ประสบการณ์แก้ตาครั้งที่ 2
สวัสดีค่ะ พี่จะมาเล่าประสบการณ์การแก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงกับหมอยุ้ยที่จาเรมคลินิกให้น้องๆฟังกันนะคะ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้วค่ะ เลยอยากมาถ่ายทอดประสบการณ์เพื่อเป็นเรื่องราวดีๆให้คนที่กำลังจะทำตาได้ศึกษากันก่อนค่ะ เริ่มจากการทำตาสองชั้นครั้งแรกของพี่เมื่อ 25 ปีที่แล้วก่อนเลยนะคะ
แต่ก่อนเป็นคนชั้นตาหลบใน
ตอนนั้นจำได้ว่าเป็นช่วงที่พี่เรียนอยู่มหาวิทยาลัย ด้วยความที่เราเป็นคนที่มีชั้นตาหลบใน แล้วอยากทำตาสองชั้นให้ตาโตขึ้นแบบที่สาวๆในยุคนั้นเขาฮิตกัน ก็เลยไปทำตาสองชั้นอย่างรวดเร็วค่ะโดยที่ไม่ได้หาข้อมูลอะไรมาก เพราะสมัยนั้นอินเตอร์เน็ตไม่ได้เข้าถึงง่ายเหมือนสมัยนี้ เราก็ไม่รู้ตัวว่าเราเป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
ซึ่งหลังทำตาสองชั้นมาตอนแรกก็สวยดีค่ะ แต่ระยะหลังเรารู้สึกว่าตาเริ่มปรือลงๆเรื่อยๆ จนลืมตาได้ไม่สุด หนังตาตก หน้าเหมือนคนง่วงนอน ชั้นตาบางวันก็เป็นชั้น บางวันก็ไม่เป็นชั้น แล้วช่วงหางตาก็กลายเป็นตา 3 ชั้น เวลาแต่งหน้าพี่ต้องติดสติ๊กเกอร์ตาสองชั้น เพื่อเพิ่มชั้นตาเพื่อให้ดูสวยคมชัดขึ้น
เสียบุคลิกภาพเพราะติดการเลิกคิ้ว
พอเวลาผ่านไปการมองเห็นของเราก็เริ่มมีปัญหา เพราะเวลาที่จะมองอะไรสักอย่างเราต้องพยายามเลิกคิ้วขึ้นเพื่อให้มองภาพได้อย่างชัดเจน กลายเป็นเราเสียบุคลิกโดยที่ไม่รู้ตัว มารู้ตัวว่าเราเลิกคิ้วจนติดเป็นนิสัยไปแล้วก็ตอนที่มาตรวจตากับคุณหมอยุ้ยนี่เองค่ะ แล้วการเลิกคิ้วยังทำให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นบริเวณหน้าผากอีกด้วยค่ะ
รูปก่อนแก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
พี่ก็เริ่มเสิร์จหาข้อมูลหมอทำตาสองชั้นที่เก่งๆในประเทศไทย หาข้อมูลอยู่นานมากนะ พี่อยากได้คุณหมอที่เป็นจักษุแพทย์โดยตรงด้วย ก็เริ่มหาข้อมูลลงลึกมากขึ้นไปอีก แล้วคลินิกมีเยอะมากค่ะ เลยเลือกขึ้นมาก่อน 3 ที่ แล้วพี่ก็ส่งรูปตาของพี่ไปให้แต่ละที่ประเมินก่อน แต่ละที่เขาก็ให้คำตอบเรามาคล้ายๆกันนะ ต่างกันนิดหน่อยตรงเทคนิคและราคา พี่เองไม่ได้ซีเรียสเรื่องราคา แต่ชอบที่นี่เพราะน้องแอดมินเขาตอบพี่ชัดเจนที่สุดแล้ว พอได้เข้ามาปรึกษา ได้เจอหมอยุ้ย ก็รู้สึกว่าคุณหมอยุ้ยน่ารักค่ะ ใจดี ใจเย็น ตรวจละเอียดมากๆ ทำให้ความกังวลของเราลดลง
บอกคุณหมอว่าขอชั้นตาเท่าเดิม
ก่อนทำพี่กังวลนะ กลัวหน้าเราจะไม่เหมือนเดิม เพราะเราไม่ใช่วัยรุ่นแล้ว ก็ค่อนข้างจะคิดมาก เกือบจะทิ้งมัดจำไม่ทำแล้ว แต่ก็ตัดสินใจทำและบอกคุณหมอว่าขอชั้นตาเท่าเดิมนะคะ ไม่เอาชั้นสูงเว่อๆ
เมื่อวันผ่าตัดมาถึง ระหว่างนั่งรอเข้าไปผ่าตัดก็ใจเต้นแรง ตื่นเต้นมาก ใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 4 ชั่วโมง อาจจะนานหน่อยเพราะว่าเคสของพี่เป็นงานแก้ด้วย ระหว่างทำก็รู้สึกได้ถึงความใจเย็นของคุณหมอ ค่อยๆทำและให้เราดูว่าโอเคหรือยัง พี่ชอบมากนะ คุณหมอทำออกมาโอเคเลย ตรงใจเรามาก หน้าเราไม่ได้เปลี่ยนไป ยังเป็นหน้าเราหน้าเดิมอยู่ แต่สวยขึ้นค่ะ
มาดูภาพหลังแก้ตาสองชั้นกันค่ะ ว่าไม่บวมไม่ช้ำจริงๆ
หมอยุ้ยมือเบามาก ไม่บวม ไม่ช้ำเลย
หลังทำก็ไม่มีผลกระทบหรืออาการข้างเคียงอะไรเกิดขึ้นเลย รอบดวงตาพี่ยังคงปกติมากๆ ไม่เขียวช้ำบวมแดงเลยนะ คุณหมอมือเบามากจริงๆ เดี๋ยวจะหาว่าพี่คุย ไปดูรูปกันเลยดีกว่า ที่พี่ถ่ายไว้ตั้งแต่ช่วงหลังทำใหม่ๆนะคะ
หลังทำไม่ได้บวมช้ำอย่างที่คิดเลย
ถ้าไม่หลับตาก็มองไม่เป็นรอยแผลเลยค่ะ ไหมที่เย็บแผลไว้ก็แทบจะมองไม่เห็น แผลเล็กมาก คุณหมอเย็บแผลละเอียดประณีตมาก แผลสวย ไม่บวม ไม่ช้ำ ไม่มีใครรู้เลยว่าพี่ไปแก้ตามา เพราะว่าดูปกติมากๆ ตอนแรกพี่ทำใจไว้แล้วว่าจะต้องมีบวมและช้ำบ้าง คิดว่าน่าจะบวมช้ำนานเป็นเดือนๆ เพราะเป็นเคสแก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงด้วย จะมีความยากกว่าเคสที่ทำครั้งแรก และหมอก็ใช้เวลาในการผ่าตัดนานกว่าเคสทั่วไป แต่ผลปรากฏว่าหลังทำไม่ได้บวมช้ำอย่างที่คิดเลยค่ะ ฟื้นตัวไวมาก ประทับใจคุณหมอมากๆค่ะ
แก้ตาแล้วหน้าเด็กลง
ตอนนี้พี่หายจากอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงแล้วมีผลพลอยได้คือหน้าเด็กลงค่ะ เหมือนเราได้ลดวัยไปในตัวเลย ตากลมโตขึ้น เห็นตาดำมากขึ้น ช่วยให้ใบหน้าดูสดใส บุคลิกก็ดีขึ้น เพราะเวลาที่เรามองสิ่งต่างๆเราก็ไม่ต้องเลิกคิ้วขึ้นแล้ว แต่ก็มีบ้างที่เรายังติดนิสัยการมองแบบเลิกคิ้วขึ้นอยู่ค่ะ เพราะเราทำแบบนั้นมานาน ก็ต้องพยายามบอกตัวเองว่าไม่ต้องเลิกคิ้วแล้ว ริ้วรอยที่หน้าผากที่เกิดจากการเลิกคิ้วก็จะค่อยๆลดลงไปเองค่ะ
Before & After แก้ตาครั้งที่ 2
ส่วนใครที่กำลังมีปัญหาเรื่องของกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงอยู่พี่ขอแนะนำให้รีบรักษากับจักษุแพทย์เฉพาะทางนะคะ ยิ่งรักษาเร็วก็ยิ่งรักษาง่ายค่ะ หรือจะเข้ามาให้คุณหมอยุ้ยตรวจดูอาการที่จาเรมคลินิกก่อนได้นะคะ