“ตาหอยแครง” ปัญหาชั้นตาหนาของคนทำตาสองชั้นที่แก้ไม่ตก

ตาหอยแครง

รีวิวแก้ตาสองชั้นครั้งที่ 5

สวัสดีค่ะ เมษาเองค่ะ อย่าเพิ่งตกใจกันนะคะ เพราะว่านี่คือรีวิวแก้ตาสองชั้นครั้งที่ 5 จริงๆค่ะ กว่าจะมาถึงวันนี้ได้บอกเลยว่าสู้ชีวิตกับการทำศัลยกรรมตามาแล้วมากมายจนหลายคนตกใจว่าทำไมต้องแก้ตาหลายครั้งขนาดนี้ เดี๋ยววันนี้จะเล่าให้ฟังตั้งแต่ก่อนทำตาสองชั้นครั้งแรกไล่เรียงมาถึงปัจจุบันเลยนะคะ พร้อมภาพประกอบที่ยังพอหามาได้ค่ะ

ก่อนทำตาครั้งแรก

ตาหลบใน

เริ่มจากตาดั้งเดิมก็จะประมาณในรูปนี้เลยค่ะ เป็นตาสองชั้นหลบใน ซึ่งตรงเปลือกตาของเราจะมีความหนา และชั้นตาหลบในมากจนมองไม่ออกเลยว่ามีชั้นตา มองผ่านแวบๆนึกว่าตาชั้นเดียว

ทำตาสองชั้นครั้งที่ 1

ตาสองชั้น

ตอนนั้นอยากมีตาสองชั้นสวยๆหวานๆเหมือนกับคนอื่นเขาบ้าง ก็เลยมองหาคลินิกทำตาสองชั้นค่ะ เราก็เลือกทำตาสองชั้นครั้งแรกกับคลินิกแห่งหนึ่ง ทำตากับหมอชื่อดังท่านหนึ่ง ตอนนั้นผลลัพธ์ที่ได้ออกมาโอเคเลยค่ะ ชั้นตาสวย เป็นธรรมชาติ ไม่หนาเกินไป ไม่เป็นตาหอยแครง

แก้ตาสองชั้นครั้งที่ 2

แก้ตาสองชั้น

จากนั้นไม่นานเรารู้สึกว่าตายังไม่โตเท่าที่ควร อยากให้ตาดูโตกว่านี้ อยากให้ชั้นตาสูงกว่านี้อีกสักนิด ก็เลยกลับไปที่คลินิกเดิมเพื่อขอแก้ตาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้หมอท่านเดิมไม่ว่างค่ะ เลยได้แก้ตากับทีมแพทย์ของที่นี่ค่ะ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ครั้งนี้ตาเรากลายเป็น “ตาหอยแครง” ไปแล้ว ชั้นตาหนามาก ดูไม่เป็นธรรมชาติเลย ทำให้เราขาดความมั่นใจไปเลย เพราะมันดูไม่เข้ากับใบหน้าเอาซะเลยจริงๆ

แก้ตาสองชั้นครั้งที่ 3

แก้ตา

ต่อมาเราก็พยายามหาที่แก้ตาใหม่อีก เราคิดว่าควรไปแก้ตาที่เกาหลี เพราะเกาหลีเขาขึ้นชื่อเรื่องการทำศัลยกรรมอยู่แล้ว น่าจะแก้ไขปัญหาชั้นตาหนาของเราได้ เราเลยติดต่อทำศัลยกรรมผ่านบริษัทเอเจนซี่และเดินทางไปผ่าตัดแก้ตาสองชั้นที่โรงพยาบาลศัลยกรรมแห่งหนึ่งในเกาหลี แต่…ผลลัพธ์ที่ได้คือ ชั้นตายังหนาอยู่และมีชั้นตาข้างหนึ่งที่ตรงกลางตาตกลงมา ดูไม่เท่ากันเลย

แก้ตาสองชั้นครั้งที่ 4

แก้ตา2ชั้น

เรารู้สึกแย่กว่าเดิมอีก ไปแก้ตาตั้งไกลถึงเกาหลีมาแล้วแต่อาการไม่ดีขึ้นเลย ชั้นตากลับเป็นตาหอยแครงเหมือนเดิม เราเลยหาโรงพยาบาลใหม่เพื่อแก้ตาอีกครั้ง สู้ชีวิตแต่ชีวิตสู้กลับมาก ครั้งนี้ยังคงคิดถึงเกาหลี เพราะฝังใจว่าเขาเป็นประเทศที่ดังเรื่องการทำศัลยกรรม เลยติดต่อผ่านทางเอเจนซี่ไปใหม่อีกรอบ แต่รอบนี้เราขอเปลี่ยนโรงพยาบาลศัลยกรรม คิดว่าหมอที่เกาหลีน่าจะเก่งแหละ จากนั้นการแก้ตาครั้งที่ 4 มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเลย ชั้นตายังคงหนา ตาไม่เท่ากัน ตาปรือลงไปมากกว่าเดิมอีก ชั้นตายังเป็นหอยแครงอยู่เหมือนเดิมเลย และที่เพิ่มมาคือชั้นตาเหี่ยวย่น ตาดูล้า ทำให้หน้าดูเหนื่อย ดูอิดโรย เรานี่จิตตกไปแล้ว

ก่อนแก้ตาสองชั้นครั้งที่ 5

รีวิวแก้ตา

ตอนนั้นคิดในใจว่าต้องหาที่แก้ตาอีกแน่นอน แต่ครั้งนี้จะไม่ไปเกาหลีแล้ว ก็เลยลองเสิร์จหาหมอทำตาเก่งๆในไทย เลือกหมอที่มีฝีมืออันดับต้นๆเลยค่ะ เลือกหมอที่เป็นจักษุแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น เจอคลินิกที่ชอบอยู่ 2 ที่ค่ะ เลยเข้าไปปรึกษาทั้ง 2 ที่เพื่อเปรียบเทียบกัน หนึ่งในนั้นคือจาเรมคลินิก

ปรึกษาแก้ตากับหมอยุ้ย จาเรมคลินิก

หลังจากได้ข้อมูลมาจากคลินิกทั้ง 2 แห่ง เราก็เลือกแก้ตาครั้งที่ 5 กับหมอยุ้ยค่ะ เพราะชอบสไตล์การทำตาของคุณหมอยุ้ย ที่ทำออกมาเป็นธรรมชาติ ชั้นตาไม่หนา และคุณหมอยุ้ยยังมีรีวิวให้ดูเยอะ แบบชนิดที่ว่ามีรีวิวทุกเพศทุกวัย และตอนที่พูดคุยกันครั้งแรกเราก็สัมผัสได้ถึงความมืออาชีพของคุณหมอ ที่มีความละเอียด ใส่ใจ ใจเย็น มีการอธิบายรายละเอียดครบถ้วนชัดเจนทุกอย่าง อะไรทำได้ ทำไม่ได้ คุณหมอแจ้งหมดเลย ไม่มีกั๊ก ประทับใจคุณหมอตั้งแต่แรกเจอเลยค่ะ เลยตัดสินใจเลือกที่นี่ค่ะ

คุณหมอยุ้ยบอกว่าเคสเราคือเคสที่สุดแห่งปีเลยก็ว่าได้ เป็นเคสที่มีอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเยอะด้วย และเนื้อเยื่อภายในตาบอบช้ำมามาก ซึ่งคุณหมอบอกว่าจะพยายามทำให้ดีที่สุด ผลลัพธ์ที่ออกมาอาจจะไม่ได้สวย 100% เหมือนเคสที่ทำตาครั้งแรกนะ แต่จะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน เราฟังคุณหมออธิบายแล้วก็รู้สึกเบาใจไปเยอะเลย มาดูรูปหลังผ่าตัดกันเลยค่ะ

แก้ไขชั้นตาหนา
ตาพัง

ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวนานกว่าคนอื่น

หลังผ่าตัดแก้ตาจะมีความช้ำนานกว่าเคสที่ทำครั้งแรก อันนี้เข้าใจเลย เพราะตาของเราผ่านการผ่าตัดมาแล้วถึง 4 ครั้ง ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวนานกว่าคนอื่นหน่อย คนอื่นๆอาจจะหายช้ำใน 5 วัน แต่เคสเราใช้เวลาประมาณ 10 วันถึงจะหายช้ำ แต่งานแก้ตาครั้งนี้บอกเลยว่าออกมาดีมาก และหายเร็วกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาเลยค่ะ เรามีข้อเปรียบเทียบเพราะเราทำมาเยอะ ทุกที่ที่ทำตามาก็จะช้ำนานเกือบเดือน แต่หมอยุ้ยถือว่ามือเบามากนะคะ ผ่าตัดด้วยเวลาที่ค่อนข้างนาน แต่ว่าช้ำน้อยกว่าที่เคยทำมาค่ะ

ก่อนแก้ตา & หลังแก้ตาครั้งที่ 5

ศัลยกรรมแก้ตาสองชั้น

ในชีวิตก็ไม่เคยรีวิวอะไรมาก่อนเลย แต่ครั้งนี้มารีวิวด้วยความประทับใจมากค่ะ และได้รวบรวมรูปตั้งแต่สมัยก่อนทำตาครั้งแรกจนถึงปัจจุบันมาให้ดูตรงนี้แล้ว เผื่อว่าใครที่อยากทำตา แก้ตา หรือมีปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง จะได้มาที่จาเรมคลินิกได้เลยนะคะ ไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงเกาหลีก็ได้ค่ะ เพราะนอกจากจะมีค่าใช้จ่ายเยอะแล้ว ยังสื่อสารกันคนละภาษา มีความยากลำบากในการสื่อสาร ต้องใช้เวลาในการเดินทาง ต้องอยู่ตรวจเช็คดูอาการหลายวัน และผลลัพธ์ออกมาก็ไม่เป็นอย่างที่คิดเลย สุดท้ายก็ขอฝากจาเรมคลินิกไว้ด้วยนะคะ คุณหมอเก่งมากๆค่ะ

 

บทความเกี่ยวข้อง