แก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง (Ptosis)

ภาวะกล้ามเนื้อตาทำงานไม่เต็มที่ เกิดจากการยืดของกล้ามเนื้อตา ทำให้กล้ามเนื้อตาไม่แข็งแรง ไม่สามารถพยุงหนังตาชั้นตาของเราได้ ดวงตาของเราไม่ได้มีเพียงลูกตาและเปลือกตาเท่านั้น การลืมตากระพริบตาแต่ละครั้งต้องมีการประสานงานกัน3ส่วน ระหว่าง “เปลือกตา” “เส้นประสาท” และ “กล้ามเนื้อตา” อาการตาปรือที่เกิดขึ้น ก็เกิดจาก “กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง” ทำงานไม่เต็มที่นั่นเอง ลักษณะก็คือเหมือนมีอาการตาปรือ ตาง่วงนอนอยู่ตลอดเวลา

คลิกเพื่อเลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ

อาการของกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

1. มีอาการตาปรือ ตาตก

ทำให้เสียบุคลิกภาพ ถ้าถามว่าอาการตาปรือนี้ถ้าทิ้งไว้ อาการจะเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้มีผลกับการมองเห็น เช่น ตาเข ตาเหล่ ได้แต่ไม่ถึงกับทำให้สูญเสียการมองเห็น แต่มีผลกับความสวยงาม เนื่องจากอาการนี้พบมากในบุคคลทั่วไป ทำให้เข้าใจว่าคือ ดวงตาปกติ แต่ความจริงสามารถรักษาได้

2. การลดน้ำหนักลงอย่างรวดเร็ว

ผู้หญิงที่มีน้ำหนักมาก และมีการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วเกินไป เช่น ออกกำลังกายอย่างหนักหรือใช้วิธีลัด เช่น การกินยาลดน้ำหนัก ทำให้ผิวหนังรอบดวงตาเกิดการหย่อนคล้อยลงได้

3. เลิกคิ้วสูง

เพราะลืมตาไม่ขึ้น จึงต้องใช้คิ้วช่วยยกเปลือกตา ทำให้หน้าผากดูกว้าง และเนื่องจากยกคิ้วเป็นเวลานานๆทำให้เกิดอาการปวดหัว เกร็งกล้ามเนื้อบริเวณขมับได้

4. ตาขี้เกียจ (Lazy eye)

หากมีอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงตั้งแต่เด็ก ทำให้ดวงตาข้างนึงมองไม่ชัดเป็นเวลานาน ทำให้เกิดกลไกดวงตา ข้างนั้นมองไม่เห็น เรียกว่า ตาขี้เกียจ

5. เบ้าตาลึก

เกิดจากไขมันที่เสื่อมไปตามอายุ ร่วมกับอาการตาปรือจึงทำให้เบ้าตาลึกกว่าปกติ

6. ตาปรือข้างเดียว

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ไม่จำเป็นต้องเกิดทั้งสองข้าง อาการตาปรือข้างเดียวก็พบได้บ่อย ลักษณะนี้จะทำให้สังเกตได้ง่ายกว่าเกิด2ข้าง

สาเหตุของการเกิดกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

1. กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเป็นแต่กำเนิด (Congenital Ptosis)

อาการตาปรือมาตั้งแต่เด็ก หากไม่ได้รับการรักษาอาการจะเป็นมากขึ้นตามอายุที่มากขึ้น เนื่องจากดวงตาปรือมาตั้งแต่เด็กทำให้มีปัญหา ทางสายตาร่วมด้วย ถ้าไม่ได้รับการรักษา การมองเห็นจะไม่ชัด เกิดภาวะตาขี้เกียจได้ (Lazy eye) ทำให้เกิดตาเหล่ตาเข Amblyopia การรักษาด้วยวิธีผ่าตัดสามารถทำได้แต่ยากกว่าภาวะอื่นๆ

2. เกิดการระคายเคืองต่อกล้ามเนื้อตาเป็นเวลานาน ๆ จนเกิดเป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

สาเหตุเกิดจากการใช้ชีวิตทำให้กล้ามเนื้อตาโดนยืดขยาย ทั้งการขยี้ตาแรงๆบ่อยๆ ใช้คอนแท็คเลนส์ เกิดการบาดเจ็บต่อกล้ามเนื้อตา ใช้สายตาหน้าจอ TV จอคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานาน นอนดึก ฯลฯ

3. การผ่าตัดตาสองชั้นที่ไม่ได้ระวังต่อกล้ามเนื้อตาสามารถทำให้เกิดกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงได้

เนื่องจากกายวิภาครอบดวงตา เป็นอวัยวะที่ละเอียดอ่อนชั้นกล้ามเนื้อตาในคนเราก็มีความหนาบาง ไม่เท่ากัน บ่อยครั้งก็สามารถเกิด การบาดเจ็บจากการกรีดตาสองชั้นอยู่เสมอ เป็นสาเหตุให้เกิดอาการตาปรือ กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงจากการผ่าตัด ซึ่งมีความรุนแรง แตกต่างกันไป ควรได้รับการแก้ไขและรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

4. กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง จากสารสื่อประสาทที่หลังผิดปกติโรค MG (myasthenia gravis)

เกิดจากความผิดปกติในการสื่อสารระหว่างเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ ในตำแหน่งที่เรียกว่า nerve-muscular junction ร่างกายจะทำการผลิตภูมิคุ้มกันซึ่งจะไปขัดขวางการจับหรือทำลายตัวรับสารที่เรียกว่า acetylcholine ที่กล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อได้รับสัญญาณจากเส้นประสาทลดลงและกลายเป็นอ่อนแรง เกิดได้ทุกกล้ามเนื้อในร่างกาย แต่ที่มักเป็นปัญหาคือ กล้ามเนื้อตา การรักษาไมาสามารถรักษาได้โดยการผ่าตัด ต้องรักษาโดยการทานยาเท่านั้น

วิธีรักษา "กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง"

การรักษาภาวะนี้ต้องผ่าตัดรักษาเท่านั้นกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การผ่าตัดจะใช้วิธีเย็บตรึงกล้ามเนื้อตาด้วยความตึงแตกต่างกันในแต่ละข้าง เพราะส่วนใหญ่ แล้วกล้ามเนื้อตาจะหย่อนคล้อยไม่เท่ากัน ถ้าแพทย์เย็บด้วยความตึงเท่ากันจะทำให้ชั้นตาไม่เท่ากันอยู่ดี วิธีการผ่าตัดมีมากมายหลายวิธี แต่ส่วนสำคัญ ที่สุดคือ การจัดการกับ กล้ามเนื้อ”รีเวเตอร์” Levator ที่อยู่ลึกเข้าไปในชั้นหนังตา โดยแพทย์จะไปทำการเลาะชั้นกล้ามเนื้อตานี้ออก เย็บให้แข็งแรง หรือ ผ่าตัดตกแต่งเพิ่มเติม ขึ้นอยู่กับอาการที่แตกต่างกันในแต่ละราย

ข้อควรระวังในการเลือกวิธีรักษา กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

วิธีรักษาที่ถูกต้องคือการผ่าตัดรักษา และการผ่าตัดก็มีหลายแบบนอกเหนือจากการผ่าตัดเย็บชั้นกล้ามเนื้อตาเพียงอย่างเดียว ดังนั้น แพทย์ควรจะมี ประสบการณ์การรักษา รอบรู้วิธีรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงหลาย ๆ วิธี เพื่อนำมาใช้กับคนไข้ และชั้นกล้ามเนื้อตาเป็นอวัยวะที่บอบบาง แพทย์ที่รักษาต้องรู้ กายวิภาครอบดวงตาเป็นอย่างดี นอกเหนือจากการผ่าตัดแล้ว หากคนไข้เป็นโรค MG ก็สามารถรักษาด้วยยา ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดแต่อย่างใด

สรุป

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเป็นปัญหาดวงตาอย่างหนึ่งที่สำคัญ ทำให้เสียบุคลิก มีอาการตาปรือ ใบหน้าไม่สดใส หน้าตาดูไม่กระตือรือร้น ในผู้หญิงก็จะไม่สวย แต่ในผู้ชายอาจทำให้เสียโอกาสในหน้าที่การงานได้ และไม่เพียงแต่มีผลต่อความสวยงามเท่านั้น กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง หากมีอาการมาก ตาตกมาก จะมีผลต่อการมองเห็นในระยะยาว เกิดตาขี้เกียจ (Lazy eye) ปล่อยทิ้งไว้นานๆทำให้รักษายาก

ในกรณี “กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเป็นแต่กำเนิด” (Congenital Ptosis) และกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเป็นข้างเดียว เราจะพอสังเกตุได้เร็ว เข้ารับการรักษาได้เร็ว แต่ถ้าอาการเป็นไม่มาก มีอาการตอนเป็นผู้ใหญ่ เราจะเข้าใจได้ว่าอาการตาปรือแบบนี้คือเรื่องปกติ พบเห็นได้บ่อยทั้งคนรู้จักหรือเพื่อน ๆ ของเรา ทำให้เข้าใจไปว่าคืออาการปกติ ทำให้ขาดการรักษาที่เหมาะสม เสียโอกาสรักษาไปอย่างน่าเสียดาย

สิ่งสำคัญอีกประการคือ แม้ว่าเราจะรู้ตัวแล้วว่าเราเป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง แพทย์ผู้รักษาต้องมีความเชี่ยวชาญเรื่องกล้ามเนื้อตาด้วย เพราะเป็นการ ผ่าตัดที่ละเอียดอ่อนเกิดการผิดพลาดได้สูงหากแพทย์ไม่มีประสบการณ์ เพราะเป็นการผ่าตัดที่ยาก

บทความโดย

พญ. ณัฏฐ์ธยาน์ สินประเสริฐกูล

จักษุแพทย์ เฉพาะทางรอบดวงตา

หลายคนมีอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงอยู่โดยที่ไม่รู้ตัว โรคนี้มีหลายชนิดซึ่งแต่ละชนิดการรักษาจะไม่เหมือนกัน มีตั้งแต่กินยา บริหารดวงตา ผ่าตัดรักษา และวิธีการผ่าตัดก็มีมากมายหลายวิธี แพทย์ต้องมีเชี่ยวชาญวินิจฉัยโรคได้ สามารถเลือกวิธีผ่าตัดที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละราย มิฉะนั้นแทนที่จะได้ตาสวย ก็ต้องหาที่แก้ตากันใหม่

จักษุแพทย์เฉพาะทางตกแต่งรอบดวงตา Occuloplastic พญ.ณัฏฐ์ธยาน์ สินประเสริฐกูล (หมอยุ้ย)

ปรึกษาหรือสอบถามได้ที่