ทำตาสองชั้นมาแล้ว 10 ปี ถึงเวลาแก้ตาอีกครั้ง
สวัสดีค่ะ วันนี้จะมารีวิวแก้ตา หลังทำตาสองชั้นจากประสบการณ์ของตัวเองให้ทุกคนได้อ่านเพื่อเป็นประโยชน์ก่อนการทำศัลยกรรมตากันนะคะ ขอเริ่มเล่าย้อนกลับไปตั้งแต่ตอนที่ได้ทำตาสองชั้นในครั้งแรกเมื่อ 10 ปีที่แล้วค่ะ ซึ่ง ณ ตอนนั้นเป็นยุคที่เทคนิคการทำตาสองชั้นก็ยังไม่ได้ทันสมัยเท่ากับตอนนี้ เดี๋ยวดูรูปประกอบไปด้วยเลยนะคะ
หลังจากที่ทำตาสองชั้นครั้งแรกเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
การทำตาสองชั้นครั้งแรกชั้นตาของจะค่อนข้างสูง แผลยาวมากค่ะ เป็นแบบกรีดยาว ช่วงหางตาถูกเย็บขึ้นไปให้ยกสูงขึ้นแบบที่เรียกกันว่า “หางหงส์” แผลก็เลยยาวมากเป็นพิเศษ รอยเย็บแผลลึกมาก ช่วงปีแรกๆที่ทำตาสองชั้นมาก็รู้สึกว่าชั้นตาหนา ตึง รั้ง จนเมื่อไม่กี่ปีมานี้ที่เริ่มรู้สึกว่าตาปรือ ตาล้า ลืมตาได้ไม่สุด ปวดกระบอกตา อาจเป็นเพราะว่าเราต้องทำงานหน้าจอคอมตลอดเวลาด้วย ใช้สายตาทั้งวันค่ะ จนลืมตาไม่ขึ้น ชั้นตาก็ดูแย่ลงค่ะ มันจะย่นๆเหมือนคนตา 4 ชั้น เวลาถ่ายรูปจะเห็นได้ชัดเลยว่าตาปรือมาก กลายเป็นคนไม่มั่นใจในการถ่ายรูปไปเลยค่ะ
อ่านเจอบทความเรื่อง “กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง”
คิดว่าปัญหาน่าจะมาจากการทำตาสองชั้นของเรานี่แหละ เริ่มเสิร์จหาคลินิกแก้ตาสองชั้นเป็นอันดับแรกเลยค่ะ แต่มาอ่านเจอบทความเรื่อง “กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง” แล้วรู้สึกว่าอาการของโรคนี้ตรงกับเรามากๆ คิดว่าเราน่าเป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงแน่ๆ ต่อมาก็เสิร์จหาคลินิกที่คิดว่าใช่!!! หาคุณหมอที่เก่งเรื่องกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ดูรีวิวกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง และหาข้อมูลอยู่นานมากๆค่ะ ก็เจอหลายที่นะคะ แต่รีวิวยังไม่โดนใจ
ชอบจาเรมคลินิกตรงที่เป็นรีวิวจริงจากลูกค้าที่ไม่ได้แต่งเติม
จนมาเจอจาเรมคลินิก สะดุดตาโดนใจกับรีวิวที่เป็นจริง คือ ภาพรีวิวที่น้องแอดมินส่งมาให้ดูในแชทนั้นเป็นรีวิวจริงจากลูกค้าที่ไม่ได้แต่งเติม ไม่มีการแต่งภาพ แต่ชั้นตาสวยมากเลยนะคะ เป็นธรรมชาติและเข้ากับใบหน้าของแต่ละคนเลย เลยเข้ามาปรึกษาคุณหมอยุ้ยดูก่อน ส่วนเรื่องราคาเราจะรู้อยู่แล้วว่าราคาแก้ตาจะสูงกว่าราคาของการทำตาสองชั้นครั้งแรก ซึ่งเราก็ไม่ได้ซีเรียสนะคะ อันนี้เราเข้าใจว่างานแก้จะยากกว่างานที่ทำครั้งแรก แต่ตอนนี้อยากสวยแล้วค่ะ
แก้ตา หลังทำตาสองชั้นครั้งนี้ ขอชั้นตาที่ไม่สูงมาก
คุณหมอยุ้ยบอกว่าเรามีอาการของโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง การรักษาต้องผ่าตัดปรับกล้ามเนื้อตา และคุณหมอยุ้ยจะกำหนดชั้นตาให้ใหม่ เราก็เลยขอคุณหมอยุ้ยว่า ขอชั้นตาที่ไม่สูงมากแบบที่ไปทำมาครั้งแรกนะคะ คุณหมอยุ้ยบอกว่าได้เลย แต่เราจะต้องมีแผลหลังทำตาที่ไม่ใช่รอยแผลเดิม แม่เจ้า!!! เราต้องมีแผลอีกรอยเหรอเนี่ย แต่ก็ต้องยอมล่ะนะ เพื่อการรักษาให้หายขาดจากอาการตาปรือ ตาล้า ลืมตาไม่สุด และปวดตา
หลังแก้ตา ชั้นตากลับมาเท่ากันและไม่สูง
และแล้วก็ผ่านการผ่าตัดกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงมาได้ด้วยเวลา 7 ชั่วโมงนิดๆ หลังทำก็สวยเลยนะคะ เป็นปลื้มมาก คุณหมอจะถามตลอดว่าชั้นตาโอเคหรือยัง? ชอบหรือเปล่าแบบนี้? คือชอบเลยค่ะ ชั้นตากลับมาเท่ากันและไม่สูง หายจากอาการตาปรือ ดวงตาสดใสขึ้นมากเลยค่ะ ตาดำโตขึ้น รู้เลยว่าคุณหมอเป็นคนที่ละเอียดมาก
ตอนผ่าตัดคือคุณหมอไม่รีบเลย ใจเย็น ค่อยๆทำไปเรื่อยๆ มีเจ็บบ้างตรงช่วงที่คุณหมอปรับกล้ามเนื้อตาเพราะอาการของเราเป็นเยอะ การผ่าตัดต้องใช้เวลานาน เลยต้องเพิ่มยาชาเรื่อยๆจนกว่าจะผ่าตัดเสร็จ แต่เป็นความเจ็บที่ทนได้ค่ะ ไม่ได้เจ็บมาก คุณหมอมือเบานะคะ ถ้าเทียบกับการทำศัลยกรรมตรงจุดอื่น ก็คือ ตอนที่ไปทำจมูกมาเจ็บกว่านี้อีกค่ะ
หลังผ่าตัดปรับกล้ามเนื้อตา ไม่บวมอย่างที่คิด
มีรอยแดงรอบๆดวงตาอยู่ประมาณ 5 วันเท่านั้นค่ะ รอยช้ำถือว่าน้อยมาก ถ้าเทียบกับการทำตาสองชั้นครั้งแรก นับว่าคุณหมอมือเบาสุดๆเลย ผ่าตัดนานขนาดนี้แต่แผลช้ำน้อยมากนะ ประทับใจมากค่ะ
ชั้นตาเข้าที่แล้วดูเป็นธรรมชาติมากค่ะ
เข้ากับใบหน้าเราเลย ตอนนี้สามารถถ่ายรูปได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องกลัวว่าใครจะทักว่าเราตาไม่เท่ากันอีกแล้ว แล้วถ้าไม่หลับตาก็คือไม่รู้ว่านี่เป็นงานแก้ ส่วนรอยแผลก็มีรอยแผล 2 รอยตามที่ได้บอกไปข้างต้นเลยค่ะ แผลเก่ากับแผลใหม่ แต่เรารู้สึกว่าแผลใหม่หลังการแก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงครั้งนี้จะดูจางลงเร็วกว่าแผลเก่า และเกือบจะไม่เห็นรอยแผลแล้ว แต่แผลเก่ายังคงมีรอยชัดอยู่เลย ก็อาศัยการแต่งหน้าเข้าช่วยลดเลือนรอยแผลเก่าค่ะ ซึ่งก็พอช่วยได้
กลับมามีดวงตาที่สวยงามอีกครั้ง
ผ่านมา 3 เดือนแล้ว หลังจากได้มาแก้ตา หลังทำตาสองชั้น ที่จาเรมคลินิก ดูหน้าเด็กลงเยอะเลยค่ะ ต้องขอบคุณคุณหมอยุ้ยมากๆค่ะที่ช่วยให้เรากลับมามีดวงตาที่สวยงามอีกครั้ง ใครที่สนใจแก้ตา หลังทำสองชั้นมาแล้วไม่ประสบผลสำเร็จ หรือมีภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง เข้ามาปรึกษากับคุณหมอยุ้ยก่อนได้ คุณหมอเป็นจักษุแพทย์ เชี่ยวชาญด้านกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง เราจึงมั่นใจในฝีมือของคุณหมอได้เลยค่ะ