ไม่กล้าสบตากับใครเพราะชั้นตาทำหน้าเปลี่ยน
เราเป็นหนึ่งในคนไข้แก้ตาสองชั้นของหมอยุ้ยจาเรมคลินิกค่ะ ครั้งนี้เป็นการแก้ตาสองชั้นครั้งที่ 3 แล้ว ที่เราประสบปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงหลังทำตาสองชั้นครั้งที่ 2 หนักมาก นับว่าเป็นอะไรที่หนักหน่วงจริงๆ เพราะมันทำลายความมั่นใจของเราไปหมดเลย เวลาพบปะพูดคุยกับใครก็ไม่กล้าสบตา เพราะชั้นตาที่ดูใหญ่ ไม่เป็นธรรมชาติ ชั้นตาไม่เท่ากัน ตาปรือเหมือนคนง่วงนอนตลอดเวลา ลืมตาได้ไม่สุด เวลามองใครก็เหมือนเราเป็นคนหน้าดุ หน้าเหวี่ยง ซึ่งจริงๆไม่ใช่เลยค่ะ มันเกิดจากตาของเราทั้งหมดเลยที่ทำให้หน้าของเราเปลี่ยนไปขนาดนี้ เสียบุคลิกภาพมาก
พื้นฐานก่อนทำตาเป็นคนตาชั้นเดียว
เริ่มแรกที่เราอยากไปทำตาสองชั้นเพราะเราเป็นคนตาชั้นเดียวและตาเล็กมาก ช่วงที่กลับจากไปเรียนที่ต่างประเทศมาใหม่ๆก็สนใจเรื่องทำตาสองชั้นมากค่ะ เห็นมีคนไปทำเยอะเลย ทำออกมาแล้วสวย เราก็หาดูรีวิวแล้วก็ไปทำเลยค่ะ
ทำตาสองชั้นครั้งที่ 1
เมื่อ 8 ปีที่แล้วเราทำตาสองชั้นครั้งแรกกับคุณหมอชื่อดัง ก็ได้ตาสองชั้นสวยเลยนะคะ แต่พอผ่านมา 1 ปีทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิมเลย ชั้นตาตกลงมาเท่าเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นค่ะ ตากลับมาเล็กเหมือนเดิม เลยหาคลินิกทำตาสองชั้นใหม่อีกครั้งค่ะ
แก้ตาสองชั้นครั้งที่ 2
การแก้ตาสองชั้นครั้งนี้เราก็เลยเปลี่ยนคลินิกค่ะ เลือกคลินิกใหม่ที่ชื่อดังเหมือนกัน แต่รอบนี้ชั้นตาใหม่ใหญ่เหมือนฝาหอยเลยค่ะ ผิดหวังมาก เพราะก่อนแก้ตาเราบอกหมอว่าขอชั้นตาไม่ใหญ่นะคะ แต่ทำออกมาใหญ่เว่อร์ ดูไม่เป็นธรรมชาติเลย ฟื้นตัวช้า บวมนาน และไม่ได้แก้ไขเรื่องกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงของเราด้วย ผลที่ได้ก็คือชั้นตาใหญ่ๆหนาๆ ตาปรือ ตาไม่เท่ากัน ตอนนั้นแทบไม่กล้าสบตากับใครเลย
เพื่อนแนะนำแก้ตาสองชั้น จักษุแพทย์ ที่จาเรมคลินิก
มีเพื่อนที่เคยเจอกันที่ต่างประเทศแนะนำว่าให้มาแก้ตาสองชั้นที่จาเรมคลินิก เพราะเขาเองก็มาทำตากับหมอยุ้ยที่นี่เหมือนกัน ทำออกมาสวยมาก หน้าหวานเลย ได้ชั้นตาที่ไม่ใหญ่ แต่ตาของเพื่อนจะมีปัญหาไม่เหมือนกับของเราค่ะ ตาเขาจะเป็นชั้นตาหลายชั้น มาจากปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเหมือนกัน และของเพื่อนไม่ใช่เคสแก้ เราเลยเข้ามาปรึกษากับหมอยุ้ยก่อนค่ะ เพราะของเราเป็นเยอะกว่า
แก้ตาสองชั้นครั้งที่ 3
คุณหมอยุ้ยบอกว่าเคสของเราสามารถแก้ไขให้ดีขึ้นได้ แต่อาจจะไม่ได้เป๊ะ100% เหมือนกับเคสที่มาทำครั้งแรก อันนี้ก็เข้าใจเลยค่ะ เพราะตาเราทำตามา 2 ครั้งแล้ว เนื้อเยื่อต่างๆในตาน่าจะมีความเปลี่ยนแปลงไปมาก งานแก้ตาก็เป็นงานที่ยากด้วย แต่ครั้งนี้แก้ตาเป็นครั้งที่ 3 ขอแค่ดีขึ้นกว่าเดิมก็ดีใจแล้วค่ะ
และแล้วก็มาถึงช่วงเวลาสำคัญ คือวันผ่าตัดนั่นเองค่ะ ไม่ค่อยกลัวแล้วเพราะเคยผ่าตัดมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ตื่นเต้นมากกว่าค่ะ เพราะในใจลึกๆก็แอบกังวลว่าหลังทำจะบวมมากไหม จะช้ำแค่ไหน เพราะครั้งที่แล้วช้ำหนักและบวมนาน ใช้เวลาเป็นเดือนกว่าชั้นตาจะเข้าที่ค่ะ มาดูหลังทำคราวนี้กันเลยดีกว่า
หลังแก้ตาฟื้นตัวไวมาก ต่างจากครั้งที่แล้ว
ต้องแอบตกใจนิดหนึ่งตรงที่คุณหมอยุ้ยมือเบามาก หลังทำนี่ไม่ช้ำเลยนะคะ ไม่ว่าจะใช้เวลาผ่าตัดนานก็ไม่ช้ำค่ะ กราบใจคุณหมอเลย ผลที่ได้ก็ออกมาดีมากๆ เป็นที่น่าพอใจสุดๆ แล้วช่วงพักฟื้นที่เรากังวลมากก็ไม่ได้หนักหนาเหมือนกับครั้งที่แล้วเลยค่ะ เป็นการฟื้นตัวที่ไวมาก ต่างกันมากค่ะ
แก้ตากับหมอยุ้ยผลลัพธ์ดีมาก
การแก้ตากับหมอยุ้ยครั้งนี้ได้แก้ไขลึกลงไปถึงชั้นกล้ามเนื้อตาด้วย เลยใช้เวลานานกว่าทำตาสองชั้นปกติ แต่แผลสวยมากค่ะ คุณหมอเย็บแผลละเอียด เล็ก และสวย จนมองแทบไม่เห็นรอยแผลเลย ถ้าไม่หลับตาให้ดูก็ไม่รู้ว่าทำตามาค่ะ ต่างกับการทำตาครั้งก่อนที่แผลจะค่อนข้างลึก มีความรู้สึกว่าเย็บแน่นเกินไป ก็เลยฟื้นตัวช้าและแผลก็เห็นชัดค่ะ
เทคนิคการทำตาของคุณหมอแต่ละคนแตกต่างกัน
เรามั่นใจในฝีมือของหมอยุ้ยมากค่ะ เพราะครั้งนี้ศึกษารีวิวมาเป็นอย่างดีและมีเพื่อนแนะนำ พอทำจริงก็ต้องยอมรับเลยว่าคุณหมอยุ้ยมีความละเอียดและใจเย็น งานที่ได้ก็เลยออกมาดี สิ่งนี้มาจากความประณีตของคุณหมอล้วนๆเลย ประทับใจมากค่ะ ตอนนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องการสบตากับคนอื่นแล้ว เพราะเรารู้สึกว่าตาเรากลับมาเป็นปกติมากๆเลย การลืมตา หลับตา ทำได้แบบธรรมชาติ ไม่รู้สึกว่าหนังตาถูกดึงรั้ง ไม่ปวดตา ชั้นตาสวยกำลังพอดี ไม่ใหญ่เกินไป หน้าไม่ดุ ไม่เหวี่ยง ดวงตามีความสวยหวานขึ้น ตาไม่ปรือ ตาดำเปิดกว้างมากขึ้น ทำให้ใบหน้าดูสดใสและมองภาพได้ดีขึ้นด้วยค่ะ
ต้องขอบคุณเพื่อนผู้แนะนำให้เรารู้จักจาเรมคลินิกด้วยนะคะ แนะนำมาถูกทางก็เลยได้แก้ตาสองชั้น จักษุแพทย์ ได้อย่างตรงจุดเลยค่ะ ใครที่ทำตาสองชั้นมาแล้วมีปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง แนะนำให้มาพบคุณหมอผู้เชี่ยวชาญนะคะ จะได้แก้ไขอย่างถูกวิธีค่ะ