เสริมหน้าอก

ศัลยกรรมหน้าอก-เสริมหน้าอกอย่างไรให้สวย

ศัลยกรรมหน้าอก-เสริมหน้าอกอย่างไรให้สวย วิธีเตรียมตัวและการดูแลหลังผ่าตัด

บทความให้ความรู้เกี่ยวกับการ เสริมหน้าอก ศัลยกรรมเสริมหน้าอก การเตรียมตัว รูปแบบการผ่าตัด การดูแลหลังเสริมนมว่าต้องดูแลอะไรบ้าง ผลข้างเคียงต่างๆ โดย คุณหมอหลุยส์ นพ. พลเดช สุวรรณอาภา วุฒิบัตรศัลยแพทย์เฉพาะทาง โดยแพทย์สภา ซึ่งปัจจุบันคุณหมอประจำอยู่ที่ Jarem Clinic

เสริมหน้าอก (Breast Augmentation)

การ “เพิ่มขนาดหน้าอก” ให้หน้าอกใหญ่ขึ้น สามารถทำได้ด้วยวิธีต่างๆ ตั้งแต่การใช้สารเติมเต็มฉีดเข้าไปในเนื้อนม ไม่ว่าจะเป็นฟิลเลอร์ เสริมหน้าอกด้วยไขมัน ตัวเอง หรือผ่าตัดใส่ถุงเต้านมเทียม ซึ่งมีหลายขนาด รูปทรงกลม หรือเสริมหน้าอกทรงหยดน้ำ วัตถุประสงค์เพื่อให้หน้าอกมีขนาดใหญ่ขึ้น มีรูปทรงที่ต้องการ นมสวยขึ้น เต่งตึงขึ้น ขึ้นอยู่กับความต้องการที่แตกต่างกันแต่ละบุคคล บทความนี้จะอธิบายถึง ประวัติความเป็นมา วิธีการผ่าตัด ชนิดของซิลิโคน ตำแหน่งการวางซิลิโคน และรูปรีวิวเสริมหน้าอกอีกมากมาย

ทำหน้าอก
เสริมหน้าอก
ทำหน้าอก
Motiva
ทำหน้าอก 375cc
เสริมหน้าอก เมนเตอร์ 375cc

เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน

การเสริมหน้าอกด้วยการใส่ซิลิโคนเข้าไปในร่างกาย ปัจจุบันซิลิโคนได้พัฒนามาหลายรุ่น มีคุณภาพดีขึ้นมากกว่าในอดีต ทั้งพื้นผิว ความยืดหยุ่นและป้องกันการเกิดพังผืดได้ดีกว่ารุ่นเก่าๆ และซิลิโคนได้ถูกออกแบบมาแตกต่างกัน เพื่อให้เสริมหน้าอกแล้วรูปทรงหน้าอกสวยงามขึ้นในแบบต่างๆดังนั้น การเสริมหน้าอกจะสวยเข้ากับรูปร่างหรือไม่ ขึ้นอยู่กับซิลิโคนที่เลือกใช้ด้วยเช่นกัน หลักๆเลยซิลิโคนเสริมหน้าอกจะมีอยู่ 2 รูปทรง คือทรงกลม และทรงหยดน้ำ

ซิลิโคนเสริมหน้าอกมีกี่แบบ

ซิลิโคนเสริมหน้าอกมีกี่แบบ

สำหรับการศัลยกรรมหน้าอก หรือเสริมหน้าอกนั้นมีซิลิโคนให้เลือกใช้ได้หลายแบบ เพื่อให้คนไข้ได้เลือกใช้ตามความเหมาะสม โดยซิลิโคนเสริมหน้าอกที่นิยมใช้ในการศัลยกรรมหน้าอก มีดังนี้

ซิลิโคนเสริมหน้าอกทรงกลม

ซิลิโคนเสริมหน้าอกทรงกลมเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในเคสเสริมหน้าอกทั่วๆไป ด้วยรูปทรงลักษณะกลม รอบวงซิลิโคนเท่ากันทุกๆส่วนทำให้มีความแน่น หน้าอกเต่งตึง เพิ่มความเด่น ดึงดูดสายตาได้ดี นอกจากนั้นซิลิโคนเสริมหน้าอกทรงกลมก็มี “ความพุ่ง” (Degree of Projections) แตกต่างกันหลายระดับให้เลือกใช้

ซิลิโคนเสริมหน้าอกทรงหยดน้ำ

เสริมหน้าอกทรงหยดน้ำ Tear Drop หรือ Anatomic implants ลักษณะพิเศษของรูปทรงที่คล้ายหยดน้ำ “ลีบบนขยายล่าง” ออกแบบมาให้ คล้ายกายวิภาคหน้าอกตามธรรมชาติ ปริมาณซิลิโคนเจลจะเยอะในฐานล่างของซิลิโคน ซิลิโคนทรงหยดน้ำส่วนใหญ่ จะเติมซิลิโคนเจล เป็นชนิดกึ่งแข็งกึ่งเหลวเพื่อให้คงรูปทรงหยดน้ำและสัมผัสยังนิ่มเหมือนซิลิโคนเจลทั่วๆ ไป

รูปทรงของซิลิโคน Motiva ทั้ง 2 รุ่น

พื้นผิวของซิลิโคน

พื้นผิวของซิลิโคน

ในปัจจุบันซิลิโคนได้มีการพัฒนาให้มีความทนทานและปลอดภัยมากขึ้น พื้นผิวของซิลิโคนมีให้เลือก 3 แบบ คือ แบบผิวเรียบ แบบผิวทรายและผิวนาโน ซึ่งมีข้อแตกต่างกันดังนี้

ซิลิโคนผิวเรียบ Smooth Surface

แบบผิวเรียบมีความนิ่มมากกว่า การดูแลหลังการผ่าตัดจะง่ายกว่า ช่วยลดโอกาสการเกิดริ้วคลื่นของซิลิโคน และลดการเกิดเลือดคั่งหรือน้ำเหลืองคั่งได้ดีกว่า

ซิลิโคนผิวทราย Siltex Surface

แบบผิวทรายลดโอกาสการเกิดเต้านมผิดรูปหรือเต้านมไหลหลุดจากทรง เพราะซิลิโคนแบบนี้จะสามารถยึดเกาะกับผิวได้ดีกว่า กรณีที่เสริมหน้าอกแบบเหนือกล้ามเนื้อ ซิลิโคนชนิดนี้จะช่วยลดการเกิดพังผืดได้ดีกว่า

ซิลิโคนผิวนาโน Nano Surface

แบบผิวนาโน(สำหรับแบรนด์ Motiva) เป็นซิลิโคนกึ่งผิวเรียบและกึ่งผิวทราย เนื้อเนียนนุ่มเหมือนกำมะหยี่ ถูกออกแบบมาเพื่อลดการเกิดพังผืด เพิ่มความทนทานมากขึ้นด้วยเปลือกซิลิโคนหนาถึง 6 ชั้น ไม่ต้องกลัวแตกหรือรั่วซึม และป้องกันการเกิดพังผืดได้ดี

ตำแหน่งของแผลผ่าตัดเสริมหน้าอก

ตำแหน่งของแผลผ่าตัดเสริมหน้าอก

แผลผ่าตัดเสริมหน้าอก ก็คือ ทางเข้าของซิลิโคนนั่นเอง ส่วนแผลจะอยู่ตรงบริเวณใดก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคการผ่าตัดของศัลยแพทย์ผู้ทำการผ่าตัด ส่วนใหญ่ที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันจะมี 3 ตำแหน่งดังต่อไปนี้

เสริมหน้าอกแผลทางรักแร้ (Transaxillary incision)

แผลทางรักแร้เป็นแผลยอดนิยมในอดีต เนื่องจากเชื่อว่าข้อดีของการผ่าตัดแผลทางนี้คือ มองไม่เห็นแผล แต่ปัจจุบันผู้หญิงใส่ชุดโชว์รักแร้มากขึ้น อาจจะซ่อนแผลไม่ได้เสมอไป ผ่าตัดทางรักแร้ส่วนใหญ่เป็นการผ่าตัดเหนือกล้ามเนื้อมากกว่าใต้กล้ามเนื้อเพราะผ่าตัดยาก ต้องใช้วิธีส่องกล้องร่วมด้วย เกิดมีเลือดคั่งมากกว่า และเกิดปัญหาราวนมไม่เท่ากันได้บ่อย

เสริมหน้าอกแผลรอบปานนม (Periareolar incision)

แผลทางปานนมมีข้อดีคือแผลเล็ก ถ้ารักษาได้ดีอาจจะมองไม่เห็นแผลเลย แต่อาจจะใส่ซิลิโคนได้ขนาดเล็กตามไปด้วย เสี่ยงบาดเจ็บต่อท่อน้ำนมเกิดปัญหาน้ำนมคั่ง น้ำนมไหลได้ไม่ดีเพราะท่อน้ำนมถูกตัดขาด และบาดเจ็บต่อเส้นประสาทรอบราวนม ทำให้หัวนมชา เสียความรู้สึกรอบปานนม และหากผ่าตัดด้วยวิธีนี้มีความเสี่ยงเกิดพังผืดรัดซิลิโคนมากกว่าวิธีอื่น

เสริมหน้าอกแผลใต้ราวนม (Inframammary incision)

แผลใต้ราวนมเป็นแผลที่นิยมมากในปัจจุบัน สามารถเลาะชั้นกล้ามเนื้อได้ดี จัดวางซิลิโคนได้ดีกว่าวิธีอื่นๆ แต่อาจจะมีปัญหาเรื่องแผลเป็นเห็นชัดกว่าวิธีอื่น  ต้องดูแลแผลอย่างถูกวิธีเพื่อให้แผลเป็นจางลงตามกาลเวลา วิธีผ่าตัดวิธีนี้ใช้ในการผ่าตัดยกกระชับ แก้พังผืด แก้เสริมใหม่ต่างๆด้วยเช่นกัน

แผลเสริมหน้าอกใต้ราวนม
แผลเสริมหน้าอกสวยมาก
แผลขนาดเล็ก 2.5-3cm ไหมละลายไม่ต้องตัดไหม
ตำแหน่งการวางซิลิโคนเสริมหน้าอก

ตำแหน่งการวางซิลิโคนเสริมหน้าอก

การวางซิลิโคนเสริมหน้าอกมี 3 แบบ ซึ่งแบบไหนจะเหมาะสมกับคนไข้นั้น ศัลยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินให้ตามความเหมาะสมของสรีระแต่ละบุคคล 

ตำแหน่งการวางซิลิโคนหน้าอก

เสริมหน้าอกเหนือกล้ามเนื้อ

การวางซิลิโคนแบบนี้เหมาะกับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกอยู่บ้างแล้ว ไม่เหมาะกับคนที่มีรูปร่างผอมมาก หรือมีเนื้อหน้าอกน้อย เพราะจะดูไม่เป็นธรรมชาติ เมื่อเวลาผ่านไปจะยิ่งทำให้เห็นขอบถุงซิลิโคนชัดมากในผู้ที่มีผิวบาง และเกิดริ้วรอยรอบซิลิโคนได้ง่าย ถึงแม้ว่าวิธีนี้จะได้รับความเจ็บปวดน้อย กว่า แต่ก็มีโอกาสทำให้เกิดพังผืดได้สูงกว่าในอนาคต และรูปทรงหน้าอกหลังเสริมด้วยซิลิโคนที่ขนาดใหญ่มาก ๆ ก็จะมีโอกาสคล้อยลงได้ มากกว่าอีกด้วย

เสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อ

การวางซิลิโคนแบบนี้จะดูเป็นธรรมชาติที่สุด เหมาะกับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกน้อย วิธีนี้จะไม่เห็นขอบของถุงซิลิโคน การสัมผัสจะช่วยให้ได้รับความรู้สึกว่าเหมือนหน้าอกจริงมากกว่า เพราะถุงซิลิโคนจะซ่อนอยู่ใต้กล้ามเนื้อ แต่หากเกร็งกล้ามเนื้อหน้าอกอาจจะเห็นซิลิโคนเคลื่อนที่ได้ และเจ็บมากกว่า (ในระยะแรก) แต่ตำแหน่งนี้จะลดโอกาสการเกิดพังผืดได้มากกว่า วิธีนี้จึงได้รับความนิยมมากกว่า

เสริมหน้าอก Dual plane

เป็นการผ่าตัดแบบผสมผสาน 2 วิธี คือซิลิโคนจะอยู่ใต้กล้ามเนื้อบางส่วน และอยู่นอกกล้ามเนื้อ หรือใต้ต่อมชั้นไขมันนมบางส่วน วิธีนี้จะสามารถลดการขยับของซิลิโคนตามการหดเกร็งของกล้ามเนื้อได้ดีกว่าการเสริมนมแบบใต้กล้ามเนื้อปกติ หน้าอกจะมีทรงสวย ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าเสริมชนิดเหนือกล้ามเนื้อ ในระยะยาววิธีเสริมหน้าอกเหนือกล้ามเนื้อบางส่วนและใต้กล้ามเนื้อบางส่วน (Dual plane) ให้ผลดีกว่า เป็นบล็อกน้อยกว่า เป็นริ้วน้อยกว่า และไม่ทำให้หน้าอกคล้อยมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป แต่การผ่าตัดวิธีนี้ทำยากกว่าวิธีเหนือกล้าม เนื้อมาก ต้องอาศัยศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพราะต้องออกแบบจัดเรียงชั้นกล้ามเนื้อ เพื่อวางซิลิโคนในตำแหน่ง ที่เหมาะสม หมอหลุยส์จาเรมผ่าตัดใช้วิธีนี้ Dual plane ทุกเคส

การเลือกรูปทรงและขนาดของหน้าอก

หมอหลุยส์ผ่าตัดเสริมหน้าอกด้วยความใส่ใจทุกขั้นตอน

วิธีการเสริมหน้าอก

วิธีการเสริมหน้าอก

สำหรับวิธีการเสริมหน้าอกที่นิยมใช้ในปัจจุบันนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 วิธี ดังนี้

การใส่ซิลิโคนด้วยFunnel (กรวย)

การเสริมหน้าอกด้วยการใส่ซิลิโคนด้วยกรวย เป็นวิธีการเสริมหน้าอกที่จะใช้ Keller Funnel หรือการใช้กรวยใส่ซิลิโคนที่เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ โดยจะมีลักษณะเป็นกรวยที่มีผิวเรียบ ลื่น และมีปลายเปิด เพื่อใส่ซิลิโคนเข้าไปในแผลผ่าตัดได้ง่ายขึ้น มีข้อดีตรงที่สามารถใส่ซิลิโคนได้ง่าย ลดอาการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อบริเวณหน้าอก และลดโอกาสในการติดเชื้อ เหมาะกับคนไข้ที่อยากให้แผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก หรือมีเวลาในการฟื้นตัวน้อย

การใส่ซิลิโคนด้วย Funnel หรือกรวย

การใส่ซิลิโคนหน้าอกด้วย Funnel
การใส่ซิลิโคนหน้าอกด้วยกรวย

การผ่าตัดเสริมหน้าอกผ่านกล้อง

การเสริมหน้าอกด้วยการผ่าตัดเสริมหน้าอกผ่านกล้อง เป็นวิธีการเสริมหน้าอกที่จะทำการผ่าตัดเปิดผิวหนังบริเวณใต้รักแร้ประมาณ 3-4 เซนติเมตร และทำการสอดกล้องเข้าไปในแผลที่ได้ผ่าตัดเปิดไว้ เพื่อเป็นการนำทางสายตา แล้วจึงค่อยทำการใส่ซิลิโคนเข้าไปในบริเวณช่องที่ทำการเลาะเปิดไว้ มีข้อดีตรงที่แผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก ฟื้นตัวได้เร็ว และมีโอกาสที่จะเกิดแผลเป็นได้น้อย หรือมองเห็นแผลได้ไม่ชัดเจน เหมาะกับคนไข้ที่ไม่อยากให้เห็นแผลผ่าตัดชัดเจน มีเวลาในการฟื้นตัวน้อย และมีงบประมาณในการเสริมหน้าอกสูง

การเตรียมตัวก่อนการเข้ารับการผ่าตัดเสริมหน้าอก

การเตรียมตัวก่อนการเข้ารับการผ่าตัดเสริมหน้าอก

  1. ไม่ปกปิดข้อมูลด้านสุขภาพ ควรแจ้งข้อมูลโรคประจำตัว ยาที่รับประทานอยู่เป็นประจำ ประวัติการแพ้ยา หรือหากมีอาการเจ็บป่วยไม่สบายก่อนวันผ่าตัด ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทราบก่อนวันผ่าตัด
  2. งดสูบบุหรี่และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
  3. ควรงดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 7-14 วันก่อนการผ่าตัด
  4. งดน้ำและอาหารก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
  5. ไม่ใส่คอนแทคเลนส์, แต่งหน้า, ทาเล็บ, ทาโลชั่น, ฉีดน้ำหอม หรือใส่เครื่องประดับในวันผ่าตัด
  6. เพื่อความสะดวกควรนำเสื้อที่มีกระดุมด้านหน้ามาใส่หลังจากผ่าตัดเสร็จ
  7. ควรมีผู้ติดตามหรือญาติมาด้วยในวันผ่าตัด

ขั้นตอนการเสริมหน้าอก

สำหรับขั้นตอนในการเสริมหน้าอกนั้น จะต้องทำการผ่าตัดตามขั้นตอนที่ถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยของคนไข้ โดยขั้นตอนในการศัลยกรรมหน้าอก มีดังนี้

  1. ดมยาสลบ เป็นขั้นตอนที่วิสัญญีแพทย์จะให้คนไข้ทำการดมยาสลบ เพื่อให้คนไข้นอนหลับสนิทก่อนเข้ารับการผ่าตัด
  2. เริ่มการผ่าตัด เป็นขั้นตอนที่ศัลยแพทย์จะเริ่มทำการผ่าตัดตามแผนที่วางไว้กับคนไข้ โดยจะเริ่มจากการเปิดช่องบริเวณหน้าอก เพื่อทำการใส่ซิลิโคน ซึ่งในขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง
  3. เย็บปิดแผล เป็นขั้นตอนสุดท้ายที่ศัลยแพทย์จะทำการเย็บปิดแผลที่ได้ผ่าตัดเปิดไว้ โดยอาจจะเป็นบริเวณราวนม ใต้รักแร้ หรือรอบปานนม พร้อมกับทำความสะอาดแผล จากนั้นก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนการผ่าตัดทำหน้าอก
การดูแลหลังเสริมหน้าอก

การดูแลหลังเสริมหน้าอก

  1. ไม่ควรนอนราบ ให้นอนพิงหมอนเอนหลังประมาณ 45 องศา เพื่อไม่ให้แผลตึง ลดอาการเจ็บแผลใน1สัปดาห์แรก
  2. หลังผ่าตัดอาจมีการคลื่นไส้อาเจียนใน24ชั่วโมงซึ่งเป็นผลจากการดมยาสลบ ให้ทานอาหารอ่อนๆ จิบน้ำบ่อยๆ
  3. ทานยาแก้ปวดหรือยาฆ่าเชื้อตามเวลาที่แพทย์สั่ง
  4. แผลไม่ควรถูกน้ำเป็นเวลา 4-5 วัน สามารถอาบน้ำได้แต่ให้ปิดพลาสเตอร์กันน้ำที่แผลไว้ก่อน
  5. ประมาณ7-10วันแผลแห้งสามารถอาบน้ำได้ตามปกติ
  6. ใส่ Post-op Braไว้ตลอด24ชม ในช่วง1เดือนแรก
  7. งดการออกกำลังกาย ยกของหนัก และ Sexใน 1เดือนแรกหลังผ่าตัด
  8. งดบุหรี่ แอลกอฮอล์และของแสลงต่างใน 1เดือนแรก
  9. เริ่มนวดหน้าอกเมื่อไม่มีอาการเจ็บหน้าอกแล้ว หรือตามแพทย์สั่ง
  10. งดอาหารเสริมที่มีความเสี่ยงให้เลือดไม่แข็งตัว หรือเกิดพังผืด เช่น น้ำมันปลา คอลลาเจน ดดยให้งดเป็นระยะเวลา1เดือน
  11. มาตรวจหลังผ่าตัดกับแพทย์ตามเวลาที่นัดไว้เสมอ

การดูแลหลังเสริมหน้าอก โดย จาเรมคลินิก

การดูแลหลังเสริมหน้าอก โดย จาเรมคลินิก

  • ไม่ควรนอนราบ ให้นอนพิงหมอนประมาณ 45 องศา เพื่อไม่ให้แผลตึง ลดอาการเจ็บแผล
  • ทานยาแก้ปวดหรือยาฆ่าเชื้อตามเวลาที่แพทย์สั่ง
  • แผลไม่ควรถูกน้ำเป็นเวลา 4-5 วัน หรือตามแพทย์แนะนำ
  • ให้งดรับประทานของแสลงทุกชนิด เช่น ของสุก ๆ ดิบ ๆ ส้มตำปูปลาร้า อาหารทะเลของสุก ๆ ดิบ ๆ
  • ให้พันผ้าไว้ หรือใช้ Post-op บรา ใส่ให้อกกระชับไว้ 24 ชั่วโมงในช่วง 1 สัปดาห์แรก
  • มาตรวจกับแพทย์ตามเวลาที่นัดไว้เสมอ

ผลงานของเรา

คำถามที่พบบ่อยในการเสริมหน้าอก

การทำศัลยกรรมหน้าอกนั้นมีโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียง หรือภาวะแทรกซ้อนต่างๆ หลังจากทำการเสริมหน้าอกได้ โดยภาวะแทรกซ้อน หรืออาการต่างๆ ที่สามารถพบได้หลังจากทำการเสริมหน้าอก มีดังนี้

  • อาการปวด หรือเจ็บบริเวณหน้าอก เป็นอาการที่เกิดจากแผลผ่าตัดยังไม่หายสนิท และกล้ามเนื้อมีการขยายตัวตามซิลิโคนที่เสริมไว้ โดยส่วนใหญ่จะมีอาการดังกล่าวในช่วงสัปดาห์แรก และอาการจะค่อยๆ หายไปเองตามลำดับ หรือถ้าหากปวดมาก ก็สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้
  • มีเลือด หรือของเหลวไหลออกมาจากแผลผ่าตัด เป็นอาการที่เกิดจากแผลผ่าตัดยังไม่หายสนิท ทำให้มีการซึมของเลือด และของเหลวเล็กน้อย โดยส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วง 1-3 วันแรก แต่ถ้าหากมีอาการซึมผิดปกติ และมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น มีไข้ หรืออาการปวด ควรรีบพบแพทย์ทันที
  • มีอาการช้ำที่บริเวณหน้าอก เป็นอาการที่เกิดจากเลือดรั่วซึมออกมาบริเวณผิวที่ทำการผ่าตัด ทำให้เกิดอาการช้ำที่บริเวณหน้าอก โดยส่วนใหญ่จะเกิดในช่วง 1 สัปดาห์หลังการผ่าตัด และสามารถประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมช้ำได้
  • มีแผลเป็น หรือรอยนูนที่บริเวณแผลผ่าตัด เป็นอาการที่เกิดจากการที่แผลไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง ทำให้เกิดรอยแผลเป็น หรือแผลเป็นนูนหลังจากที่แผลผ่าตัดหายสนิทแล้ว
  • อาการพังผืดรัดซิลิโคน เป็นอาการที่เกิดจากการที่ร่างกายตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย ทำให้มีสารหลั่งออกมาเพื่อห่อหุ้มซิลิโคนเอาไว้ และกลายเป็นพังผืดรัดซิลิโคน ซึ่งอาจจับตัวเป็นก้อนได้ และถ้าหากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้หน้าอกเสียรูปทรงได้
  • ซิลิโคนมีการเคลื่อนที่ มักจะเกิดจากสาเหตุกล้ามเนื้อบริเวณหน้าอกน้อย ทำให้ซิลิโคนเกิดการเคลื่อนที่ ส่งผลให้ซิลิโคนเลื่อนลงต่ำกว่าตำแหน่งเดิม หรือเคลื่อนที่ออกด้านข้างมากกว่าปกติ และส่งผลให้รูปทรงหน้าอกดูไม่เป็นธรรมชาติ
  • คลำเจอขอบซิลิโคน เกิดจากการที่เนื้อหน้าอกบาง ไม่เพียงพอต่อการปิดขอบซิลิโคน และหลังจากทำนมเข้าที่แล้ว ก็จะยิ่งทำให้เห็นขอบซิลิโคนได้ง่ายมากขึ้น เพราะพังผืดมีการดึงผิวหนังมากขึ้น
  • เลือดคั่งหลังการเสริมหน้าอก เป็นอาการที่เกิดจากการที่มีเลือดสะสมอยู่ในบริเวณที่ใส่ซิลิโคน ส่งผลให้หน้าอกมีอาการบวม หรือช้ำ และถ้าหากมีอาการปวดร่วมด้วย ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะถ้าหากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เกิดอาการอักเสบได้

เลือกคลินิกเสริมหน้าอกอย่างไรดี

การเสริมหน้าอก ถือว่าเป็นการศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน จึงทำให้มีคลินิกศัลยกรรมเสริมหน้าอกเกิดขึ้นมากมาย ดังนั้น คนไข้จึงควรเลือกคลินิกอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการทำนมออกมาดีที่สุด โดยเกณฑ์ในการเลือกคลินิกเสริมหน้าอกที่ควรรู้ไว้ มีดังนี้

  • คลินิกมีใบอนุญาตประกอบการ เป็นเกณฑ์ในการเลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตประกอบการ เพื่อยืนยันว่าคลินิกเสริมหน้าอกมีมาตรฐานตามที่กฎหมายได้กำหนดไว้
  • ศัลยกรรมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การศัลยกรรมเสริมหน้าอกนั้น จะต้องทำการผ่าตัดโดยศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และมีประสบการณ์เท่านั้น เพื่อความปลอดภัย และผลลัพธ์ในการผ่าตัด
  • ศัลยแพทย์มีใบประกอบวิชาชีพ ศัลยแพทย์ที่ทำการผ่าตัดนั้น จะต้องมีใบประกอบวิชาชีพที่ถูกขึ้นทะเบียนโดยแพทยสภา และสามารถตรวจสอบเลขใบประกอบวิชาชีพได้
  • เลือกใช้ซิลิโคนที่มีคุณภาพ และมาตรฐาน เป็นสิ่งที่คนไข้จะต้องทำการตรวจสอบได้ว่าซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมนมนั้นเป็นซิลิโคนของแท้ มีมาตรฐาน และมีคุณภาพ เพื่อความปลอดภัยในการศัลยกรรม
  • คลินิกมีความสะอาด และปลอดภัย เป็นเกณฑ์พื้นฐานที่คนไข้จะต้องให้ความใส่ใจเป็นอย่างมาก เพราะคลินิกที่ทำการผ่าตัดนั้น จะต้องมีความสะอาด และปลอดภัย เพื่อลดโอกาสเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างการผ่าตัด และเพื่อความปลอดภัยของตัวคนไข้เอง
  • มีรีวิวศัลยกรรมจากคนไข้จริง เป็นสิ่งที่คนไข้จะต้องทำการดูรีวิวศัลยกรรมเสริมหน้าอกว่าเป็นอย่างไรบ้าง และจะต้องเป็นรีวิวที่มาจากคนไข้จริงเท่านั้น เพื่อเป็นการยืนยันในผลงานของแพทย์ที่จะทำการผ่าตัดด้วย
  • พนักงานให้บริการด้วยความใส่ใจ เป็นสิ่งที่คนไข้จะต้องได้รับคำแนะนำ หรือสามารถปรึกษาพนักงานได้อย่างสบายใจ เพราะว่าในการศัลยกรรมเสริมหน้าอกนั้น คนไข้อาจมีข้อสงสัยต่างๆ ดังนั้น พนักงานที่คลินิกจะต้องให้บริการด้วยความใส่ใจมากที่สุด

ห้องผ่าตัดที่Jarem Clinic

เสริมหน้าอกที่ Jarem Clinic ดีอย่างไร

การเสริมหน้าอกที่ Jarem Clinic เป็นคลินิกที่สามารถตอบโจทย์ผู้ที่สนใจอยากศัลยกรรมหน้าอกได้เป็นอย่างดี เพราะที่ Jarem Clinic เป็นคลินิกที่ดูแลโดย 2 แพทย์ผู้ก่อตั้ง ได้แก่ “หมอหลุยส์” หรือ นพ. พลเดช สุวรรณอาภา (ศัลยแพทย์เฉพาะทางเสริมหน้าอก) และ “หมอยุ้ย” หรือ พญ. ณัฏฐ์ธยาน์ สินประเสริฐกูล (จักษุแพทย์เฉพาะทางตกแต่ง และเสริมสร้าง) ที่มีวุฒิบัตรแพทยสภา โดยคุณหมอหลุยส์ และคุณหมอยุ้ย จะดูแลคนไข้ด้วยความใส่ใจทุกเคส มีการเตรียมก่อนผ่าตัด และการดูแลหลังผ่าตัดเป็นอย่างดี มีความสะอาด ปลอดภัย มีรีวิวทำนมกับหมอหลุยส์ และรีวิวทำตากับหมอยุ้ยจากคนไข้จริง รวมถึงมีการนัดติดตามผล เพื่อตรวจเช็กผลลัพธ์หลังผ่าตัดเป็นระยะ เพื่อให้มีความปลอดภัยในทุกขั้นตอน

คำถามที่พบบ่อยในการเสริมหน้าอก (FAQ)

สำหรับผู้ที่สนใจอยากศัลยกรรมหน้าอก อาจจะกำลังมีข้อสงสัยต่างๆ เกี่ยวกับการเสริมหน้าอก เพราะว่าเป็นการศัลยกรรมที่จะต้องทำการศึกษาอย่างละเอียด ดังนั้น ในหัวข้อนี้จึงได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยในการเสริมหน้าอกมาให้แล้ว ดังนี้

เสริมหน้าอกแล้วสามารถให้นมลูกได้หรือไม่?

หลังเสริมหน้าอกแล้วสามารถให้นมลูกได้ตามปกติ เพราะการผ่าตัดเสริมหน้าอกแพทย์จะไม่ไปทำอันตรายต่อท่อน้ำนม โดยเฉพาะการผ่าตัดด้วยวิธีDual Planจะเสริมอยู่ใต้ชั้นกล้ามเนื้อ ใต้ชั้นเนื้อนม ไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆต่อต่อมน้ำนมเลย

หลังเสริมหน้าอกต้องนวดนมหรือไม่?

การนวดนมเป็นสิ่งที่ควรทำหลังจากที่เราเสริมหน้าอกไปสักระยะหนึ่งแล้ว เพื่อให้หน้าอกนิ่มและฟูขึ้น เป็นการช่วยลดการเกิดพังผืดรัดเต้านม โดยเวลาที่เหมาะสมสำหรับการนวดนมควรเป็นช่วงหลังจากตัดไหม ซึ่งรอยแผลหายดีแล้ว สาเหตุที่เราต้องนวดนมก็เพราะหลังจากที่มีการเสริมหน้าอกไปแล้ว กลไกทางธรรมชาติของร่างกายจะสร้างพังผืดขึ้นมาจับรอบๆซิลิโคน พอผ่านไปนานๆ พังผืดก็จะรัดตัว ส่งผลให้เต้านมแข็ง เป็นก้อน เป็นบล็อค ดูไม่สวยงาม ไม่เป็นธรรมชาติ หากเป็นมากก็จะมีอาการปวดหรืออักเสบได้ ควรนวดอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะช่วง 3-6 เดือนแรกหลังเสริมหน้าอก หลังจาก 6 เดือนไปแล้วก็ยังคงสามารถนวดได้ และนวดต่อไปได้จนถึง 2-3 ปีหลังเสริมหน้าอก

เสริมหน้าอกเจ็บมากเหมือนสิบล้อทับไหม?

การผ่าตัดเสริมหน้าอกที่เจ็บมากเกิดจากสาเหตุดังนี้ เสริมซิลิโคนใหญ่เกินไป โดยไม่ได้คำนึงถึงสรีระรูปร่าง ขนาดพื้นที่ขอองเนื้อนมและกล้ามเนื้อ การเสริมซิลิโคนที่ใหญ่เกินไปนอกจากจะเกิดอันตรายแล้ว ในระยะยาวทรงหน้าอกก็จะไม่สวย เกิดการหย่อนคล้อยก่อนเวลา เสี่ยงต่อภาวะปวดหลังในระยะยาว และอีกสาเหตุคือ ผ่าตัดรุนแรงบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อ การผ่าตัดต้องมีความละเอียดใจเย็น หยุดเลือด เปิดชั้นเนื้อเยื่ออย่างถูกต้อง แพทย์ต้องมีประสบการณ์ในการผ่าตัด การผ่าตัดราบรื่น ไม่ก่อใหเกิดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อ ถ้าผ่าตัดได้แบบนี้อาการเจ็บปวดหลังผ่าตัดก็จะน้อยมาก

เสริมหน้าอกขนาดเท่าไหร่จึงจะเหมาะกับเรา?

การเสริมหน้าอกที่จาเรมคลินิกแพทย์จะทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียด และแนะนำขนาดที่เหมาะสมให้โดยเน้นความต้องการของคนไข้ และความปลอดภัยเป็นหลัก ดังนั้นที่นี่จึงมีรีวิวที่หลากหลสยมากๆ ตั้งแต่ 200cc ไปจนถึง 700cc แต่การเสริมหน้าอกให้สวยไม่ได้ขึ้นกับขนาดซิลิโคนอย่างเดียว วิธีการผ่าตัดและประสบการณ์ของแพทย์ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญ

ที่จาเรมคลินิกให้ดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์หรือไม่?

ที่จาเรมคลินิก เราดมยาสลบให้อย่างถูกต้อง มอนิเตอร์สัญญาณชีพตลอดระยะเวลาการผ่าตัด คนไข้จะหลับสนิทจนกระทั่งเสริมหน้าอกเสร็จ ทุกขั้นตอนดูแลโดย “วิสัญญีแพทย์” ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดอันตรายใดๆ หรือผลข้างเคียงอื่นๆ เช่น ตื่นกลางคัน คลื่นไส้อาเจียน ฯลฯ 

ผ่าตัด Dual Plane คืออะไร?

การผ่าตัดเสริมหน้าอกสามารถแบ่งง่ายๆได้ 2วิธี คือ ผ่าตัดเหนือกล้ามเนื้อและใต้กล้ามเนื้อ Dual Plane ก็คือ การเสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อชนิดหนึ่ง ที่จาเรมคลินิกเราผ่าตัดเสริมด้วยวิธี Dual Plane เป็นหลัก เพราะทำให้หน้าอกสวย สัมผัสนิ่มอย่างเป็นธรรมชาติ และอัตราการเกิดพังผืดน้อยกว่าการเสริมแบบเหนือกล้ามเนื้อ

อ่านต่อได้ที่บทความ : เปรียบเทียบชัดๆ ! Dual Plane คืออะไร ต่างจากการทำอกแบบอื่นยังไง?

หน้าอกหย่อนคล้อยจากการมีลูกเสริมหน้าอกจะช่วยให้ดีขึ้นไหม?

หน้าอกหย่อนคล้อยมีหลายระดับตั้งแต่คล้อยน้อยจนกระทั่งคล้อยมาก หากอาการไม่เยอะการเสริมหน้าอกซิลิโคนสามารถช่วยได้ แต่ถ้าคล้อยมากควร ”ผ่าตัดยกกระชับ” จะแก้ไขปัญหาได้ดีกว่า สามารถศึกษาเพิ่มเติมในบทความ “ยกกระชับหน้าอก” 

ซิลิโคนเสริมหน้าอกมีขนาดเท่าไหร่บ้าง?

ซิลิโคนเสริมหน้าอกมีตั้งแต่ขนาด 100cc -1000cc ทั้งนี้ร่างกายจะสามารถเสริมได้เท่าไหร่ต้องขึ้นกับดุลยพินิจของศัลยแพทย์ร่วมด้วย

ซิลิโคนเสริมหน้าอกอยู่ได้กี่ปี?

โดยทั่วไปซิลิโคนเสริมหน้าอกสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิต แต่ต้องคอยดูแลรักษาไม่ให้เกิดปัญหาแทรกซ้อน หรืออุบัติเหตุรุนแรง และคอยตรวจเช็คหลังผ่าตัดอย่างต่อเนื่อง

อ่านต่อได้ที่บทความ : เสริมหน้าอกอยู่ได้กี่ปี ซิลิโคนอยู่ได้ตลอดชีวิตหรือไม่?

หลังทำนมมีเพศสัมพันธ์ได้เมื่อไหร่?

หลังจากทำการเสริมหน้าอกสามารถทำกิจกรรมบนเตียงได้ประมาณช่วงหลังทำนม 2 สัปดาห์ขึ้นไป ในกรณีที่รู้สึกไม่เจ็บแผลแล้ว แต่ถ้าหากสามารถเว้นการทำกิจกรรมดังกล่าวได้นานถึง 2-3 เดือน ก็จะเป็นผลดีต่อคนไข้มากที่สุด เพราะถ้าหากทำกิจกรรมในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังจากทำนมนั้น จะมีโอกาสที่ซิลิโคนเกิดการเคลื่อนตัว หรือผิดรูปได้ และอาจมีอาการบาดเจ็บอื่นๆ แทรกซ้อนได้เช่นกัน

สรุปเกี่ยวกับ "การเสริมหน้าอก"

การจะตัดสินใจ “เสริมหน้าอก” ต้องดูตามความต้องการของเราก่อนว่าต้องการหน้าอกแบบไหน ขนาดใหญ่ดึงดูดใจ หรือแบบพอดีตัวเสริมบุคลิกใส่เสื้อผ้าสวย ไม่ต้องการเนินหน้าอกสูง อยากให้อกชิด ไม่ต้องการหน้าอกเป็นบล็อก ฯลฯ จากนั้นศึกษาหาข้อมูลด้วยตัวเองก่อน ถึงข้อดีข้อเสีย ของซิลิโคนรูปทรงต่าง ๆ ทั้งทรงกลมทรงหยดน้ำ ตำแหน่งผ่าตัด สุดท้ายต้องได้ปรึกษากับศัลยแพทย์ที่เราสนใจ แพทย์ผู้ซึ่งจะเป็นคนผ่าตัดให้เรา ได้สอบถามโดยตรง ฟังความคิดเห็นคำแนะนำต่างๆว่าเสริมนมแบบไหนเหมาะกับเรา เมื่อเราตัดสินใจแล้ว เราก็ต้องเชื่อฟัง ปฏิบัติตัว ดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด เพื่อให้แผลหายเร็ว หน้าอกทรงสวยถูกใจ

บทความโดย

นพ. พลเดช สุวรรณอาภา

ศัลยแพทย์ เฉพาะทางเสริมหน้าอก

เสริมหน้าอกเป็นหัตถการที่แพร่หลายมากขึ้นในปัจจุบัน ด้วยสื่อโซเชียลทำให้คนไข้หาข้อมูลได้ง่าย มีรีวิวให้ดูมากมายและราคาเสริมหน้าอกที่แข่งกันลดราคา ผมขอแนะนำว่าให้ศึกษาให้ดี ต้องได้คุยกับแพทย์ผู้ผ่าตัดให้เรา เราต้องรู้ว่าเราใส่ซิลิโคนอะไร ผ่าตัดด้วยวิธีไหน และอย่าเห็นราคามาก่อนคุณภาพนะครับ

ต้องการให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ

CTA

ศัลยแพทย์เฉพาะทางเสริมหน้าอก นพ. พลเดช สุวรรณอาภา (หมอหลุยส์)

ปรึกษาหรือสอบถามได้ที่

บทความเกี่ยวข้อง