เสริมหน้าอก

เสริมหน้าอก ทำนมสวย รู้ไว้ก่อน ปลอดภัยระยะยาว

บทความให้ความรู้เกี่ยวกับการ เสริมหน้าอก ศัลยกรรมเสริมหน้าอก การเตรียมตัว รูปแบบการผ่าตัด การดูแลหลังเสริมนมว่าต้องดูแลอะไรบ้าง
ผลข้างเคียงต่างๆ โดย คุณหมอหลุยส์ นพ. พลเดช สุวรรณอาภา วุฒิบัตรศัลยแพทย์เฉพาะทาง โดยแพทย์สภา ซึ่งปัจจุบันคุณหมอประจำอยู่ที่ JaremClinic

คลิกเพื่อเลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ

เสริมหน้าอก Breast Augmentation

การ “เพิ่มขนาดหน้าอก” ให้หน้าอกใหญ่ขึ้น สามารถทำได้ด้วยวิธีต่างๆ ตั้งแต่การใช้สารเติมเต็มฉีดเข้าไปในเนื้อนม ไม่ว่าจะเป็นฟิลเลอร์ เสริมหน้าอกด้วยไขมัน ตัวเอง หรือผ่าตัดใส่ถุงเต้านมเทียม ซึ่งมีหลายขนาด รูปทรงกลม หรือ เสริมหน้าอกทรงหยดน้ำ วัตถุประสงค์เพื่อให้หน้าอกมีขนาดใหญ่ขึ้น มีรูปทรงที่ต้องการ นมสวยขึ้น เต่งตึงขึ้น ขึ้นอยู่กับความต้องการที่แตกต่างกันแต่ละบุคคล บทความนี้จะอธิบายถึง ประวัติความเป็นมา วิธีการผ่าตัด ชนิดของซิลิโคน ตำแหน่งการวางซิลิโคน และรูปรีวิวเสริมหน้าอกอีกมากมาย

ทรงหน้าอกต่าง ๆ

1.ซิลิโคนเสริมหน้าอกทรงกลม

ซิลิโคนเสริมหน้าอกทรงกลมเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในเคสเสริมหน้าอกทั่วๆไป ด้วยรูปทรงลักษณะกลม รอบวงซิลิโคนเท่ากันทุกๆส่วนทำให้มีความแน่น หน้าอกเต่งตึง เพิ่มความเด่น ดึงดูดสายตาได้ดี นอกจากนั้นซิลิโคนเสริมหน้าอกทรงกลมก็มี “ความพุ่ง” (Degree of Projections) แตกต่างกันหลายระดับให้เลือกใช้

2. เสริมหน้าอกทรงหยดน้ำ

เสริมหน้าอกทรงหยดน้ำ Tear Drop หรือ Anatomic implants ลักษณะพิเศษของรูปทรงที่คล้ายหยดน้ำ “ลีบบนขยายล่าง” ออกแบบมาให้ คล้ายกายวิภาคหน้าอกตามธรรมชาติ ปริมาณซิลิโคนเจลจะเยอะในฐานล่างของซิลิโคน ซิลิโคนทรงหยดน้ำส่วนใหญ่ จะเติมซิลิโคนเจล เป็นชนิดกึ่งแข็งกึ่งเหลวเพื่อให้คงรูปทรงหยดน้ำและสัมผัสยังนิ่มเหมือนซิลิโคนเจลทั่ว ๆ ไป

พื้นผิวของซิลิโคน

พื้นผิวของซิลิโคน มีให้เลือก 2 แบบ คือ แบบผิวเรียบ กับ แบบผิวทราย (Mentor) แต่ถ้าเป็นซิลิโคน Motiva จะมีผิวเดียวให้เลือก (Nano)

ตำแหน่งของแผลผ่าตัดเสริมหน้าอก

1.เสริมหน้าอกแผลทางรักแร้ Transaxillary incision
2.เสริมหน้าอกแผลรอบปานนม Periareolar incision
3.เสริมหน้าอกแผลใต้ราวนม Inframammary incision

*แผลผ่าตัดเล็กยิ่งเวลาผ่านไปจะจางจนมองไม่เห็น*

ตำแหน่งการวางซิลิโคนเสริมหน้าอก

1. เสริมหน้าอกเหนือกล้ามเนื้อ

การวางซิลิโคนแบบนี้เหมาะกับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกอยู่บ้างแล้ว ไม่เหมาะกับคนที่มีรูปร่างผอมมาก หรือมีเนื้อหน้าอกน้อย เพราะจะดูไม่เป็นธรรมชาติ เมื่อเวลาผ่านไปจะยิ่งทำให้เห็นขอบถุงซิลิโคนชัดมากในผู้ที่มีผิวบาง และเกิดริ้วรอยรอบซิลิโคนได้ง่าย ถึงแม้ว่าวิธีนี้จะได้รับความเจ็บปวดน้อย กว่า แต่ก็มีโอกาสทำให้เกิดพังผืดได้สูงกว่าในอนาคต และรูปทรงหน้าอกหลังเสริมด้วยซิลิโคนที่ขนาดใหญ่มาก ๆ ก็จะมีโอกาสคล้อยลงได้ มากกว่าอีกด้วย

2. เสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อ

เสริมหน้าอกทรงหยดน้ำ Tear Drop หรือ Anatomic implants ลักษณะพิเศษของรูปทรงที่คล้ายหยดน้ำ “ลีบบนขยายล่าง” ออกแบบมาให้ คล้ายกายวิภาคหน้าอกตามธรรมชาติ ปริมาณซิลิโคนเจลจะเยอะในฐานล่างของซิลิโคน ซิลิโคนทรงหยดน้ำส่วนใหญ่ จะเติมซิลิโคนเจล เป็นชนิดกึ่งแข็งกึ่งเหลวเพื่อให้คงรูปทรงหยดน้ำและสัมผัสยังนิ่มเหมือนซิลิโคนเจลทั่ว ๆ ไป

3. เสริมหน้าอก Dual plane

เป็นการผ่าตัดแบบผสมผสาน 2 วิธี คือซิลิโคนจะอยู่ใต้กล้ามเนื้อบางส่วน และอยู่นอกกล้ามเนื้อ หรือใต้ต่อมชั้นไขมันนมบางส่วน วิธีนี้จะสามารถลดการขยับของซิลิโคนตามการหดเกร็งของกล้ามเนื้อได้ดีกว่าการเสริมนมแบบใต้กล้ามเนื้อปกติ หน้าอกจะมีทรงสวย ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าเสริมชนิดเหนือกล้ามเนื้อ ในระยะยาววิธีเสริมหน้าอกเหนือกล้ามเนื้อบางส่วนและใต้กล้ามเนื้อบางส่วน (Dual plane) ให้ผลดีกว่า เป็นบล็อกน้อยกว่า เป็นริ้วน้อยกว่า และไม่ทำให้หน้าอกคล้อยมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป แต่การผ่าตัดวิธีนี้ทำยากกว่าวิธีเหนือกล้าม เนื้อมาก ต้องอาศัยศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพราะต้องออกแบบจัดเรียงชั้นกล้ามเนื้อ เพื่อวางซิลิโคนในตำแหน่ง ที่เหมาะสม หมอหลุยส์จาเรมผ่าตัดใช้วิธีนี้ Dual plane ทุกเคส

การดูแลหลังเสริมหน้าอก

1. ไม่ควรนอนราบ ให้นอนพิงหมอนประมาณ 45 องศา เพื่อไม่ให้แผลตึง ลดอาการเจ็บแผล
2. คอยหมั่นเช็คกระป๋องระบายเลือดว่ายังเป็น Negative Pressure อยู่หรือไม่
3. ทานยาแก้ปวดหรือยาฆ่าเชื้อตามเวลาที่แพทย์สั่ง
4. แผลไม่ควรถูกน้ำเป็นเวลา 4-5 วัน หรือตามแพทย์แนะนำ
5. ให้งดรับประทานของแสลงทุกชนิด เช่น ของสุก ๆ ดิบ ๆ ส้มตำปูปลาร้า อาหารทะเลของสุก ๆ ดิบ ๆ
6. ให้พันผ้าไว้ หรือใช้ Post-op บรา ใส่ให้อกกระชับไว้ 24 ชั่วโมงในช่วง 1 สัปดาห์แรก
7. มาตรวจกับแพทย์ตามเวลาที่นัดไว้เสมอ

การดูแลหลังเสริมหน้าอก โดย จาเรมคลินิก

อาการที่อาจเกิดขึ้นได้หลังเสริมหน้าอก

1. อาการปวด ฟกช้ำ

ภายหลังเสริมหน้าอก สามารถเกิดอาการ เจ็บปวด สำหรับเคสที่มีเนื้อหน้าอกน้อย แพทย์ใส่ซิลิโคนที่มีขนาดใหญ่กว่ารูปร่าง ก็สามารถทำให้เกิดรอยฟกช้ำขึ้นมาได้

2. แผลผ่าตัดแดง แผลอักเสบ

อาการแผลติดเชื้อจากการเสริมหน้าอก สามารถเกิดขึ้นได้ ดังนั้นสถานที่ผ่าตัดต้องสะอาด ได้มาตรฐานตามกระทรวงสาธารณสุข และแม้ว่าสถานที่ผ่าตัดจะดีแล้ว ปัจจัยสำคัญอีก2สิ่งคือ แพทย์ผู้ทำหัตถการผ่าตัดให้ ต้องมีประสบการณ์การผ่าตัดเสริมหน้าอก
มาจำนวนหนึ่ง ผ่าตัดถูกต้องตามกายวิภาค 2.ตัวคนไข้เอง ต้องดูแลตัวเองตามแพทย์สั่ง

3. แผลผ่าตัดเสริมหน้าอกแยก แผลปริ

หลังจากเสริมหน้าอกไปแล้ว ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก หน้าอกอาจจะมีอาการตึง ทำให้ใช้ชีวิตประจำวันได้ไม่ง่าย สามารถเกิดอุบัติเหตุจากการกระทบกระแทกหน้าอกได้ตลอดเวลา จนเกิดเป็นแผลผ่าตัดแยกขึ้นมา

4. หน้าอกไม่เท่ากัน

กรณีหน้าอกไม่เท่ากัน ก่อนอื่นต้องแยกก่อนว่า เกิดในระยะสั้นหรือระยะยาว เพราะสาเหตุไม่เหมือนกัน ถ้าเกิดในระยะสั้นแสดงว่า ซิลิโคนอาจจะเลื่อนหลุดจากตำแหน่ง กรณีนี้ต้องเข้าไปผ่าตัดแก้ไขเย็บซ่อมตำแหน่ง Fix เนื้อเยื่อ แต่ถ้ากรณีเสริมหน้าอกมานานแล้ว เกิน 10 ปี ขึ้นไป แสดงว่าซิลิโคนเดิมอาจจะแตกรั่ว หรือมีพังผืดมาเกาะที่ซิลิโคนก็เป็นได้ ทั้ง2สาเหตุนี้จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดแก้ไข

5. หน้าอกบวมมาก มีอาการเจ็บ

ถ้าเกิดในเวลาไม่นานหลังผ่าตัดอาจเกิดจากอาการเลือดคั่งในหน้าอก Hematoma ถ้าปวดมากและบวมขึ้นเรื่อยๆ ควรผ่าตัดระบายเลือดออก ถ้าอาการปวดบวมเกิดขึ้นภายหลัง อาจเป็นอาการของพังผืดตามมาได้ ต้องผ่าตัดเลาะพังผืดออก

6. รอยแตกลาย

ถ้าใส่ซิลิโคนหน้าอกใหญ่เกินไป สามารถทำให้เกิดรอยแตกลายได้ ดังนั้นควรใส่ปริมาณซิลิโคนให้เหมาะสมกับร่างกาย

7. หน้าอกแข็ง

ก่อนอื่นต้องแยกอาการหน้าอก”แข็ง”กับหน้าอก”ตึง”ออกจากกันก่อน เพราะบอกครั้งคนไข้จะสับสนเพราะเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนที่ใหญ่ จะทำให้หน้าอกตึงได้ สัมผัสไม่นิ่มเหมือนนมจริงทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นหน้าอก “แข็ง”กรณีนี้ไม่ทำอะไร รอดูอาการให้เนื้อนมเข้าที่ เนื้อนมยืดขึ้นจากนั้นหน้าอกก็จะนิ่มลง ส่วนกรณี”หน้าอกแข็ง”นั้น จะเป็นอาการเริ่มต้นของพังผืดรัดรอบซิลิโคน แนะนำให้เข้ามาปรึกษาแพทย์เลาะพังผืดออก

8. แผลเป็นนูน คีรอยด์ Keloid

ตำแหน่งที่เกิดแผลเป็นช่วงหน้าอกขึ้นไป ใบหน้า มีโอกาศเสี่ยงเป็นคีรอยด์ได้ง่ายกว่าตำแหน่งอื่นๆ แต่มีรายงานว่าคีรอยด์เป็นลักษณะทางพันธุกรรมแบบหนึ่ง

สรุป

การจะตัดสินใจ เสริมหน้าอก ต้องดูตามความต้องการของเราก่อนว่าต้องการหน้าอกแบบไหน ขนาดใหญ่ดึงดูดใจแบบพอดีตัวเสริมบุคลิก ใส่เสื้อผ้าสวย ไม่ต้องการเนินหน้าอกสูง อยากให้อกชิด ไม่ต้องการหน้าอกเป็นบล็อก ฯลฯ จากนั้นศึกษาหาข้อมูลด้วยตัวเองก่อน ถึงข้อดีข้อเสีย ของซิลิโคนรูปทรงต่าง ๆ ทั้งทรงกลมทรงหยดน้ำ ตำแหน่งผ่าตัด สุดท้ายต้องได้ปรึกษากับศัลยแพทย์ที่เราสนใจ แพทย์ผู้ซึ่งจะเป็นคนผ่าตัด ให้เรา ได้สอบถามโดยตรง ฟังความคิดเห็นคำแนะนำต่างๆว่าเสริมนมแบบไหนเหมาะกับเรา เมื่อเราตัดสินใจแล้ว เราก็ต้องเชื่อฟัง ปฏิบัติตัว ดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด เพื่อให้แผลหายเร็ว หน้าอกทรงสวยถูกใจ

รีวิวของเรา

บทความโดย

นพ. พลเดช สุวรรณอาภา

ศัลยแพทย์ เฉพาะทางเสริมหน้าอก

เสริมหน้าอกเป็นหัตถการที่แพร่หลายมากขึ้นในปัจจุบัน ด้วยสื่อโซเชียลทำให้คนไข้หาข้อมูลได้ง่าย มีรีวิวให้ดูมากมายและราคาเสริมหน้าอกที่แข่งกันลดราคา ผมขอแนะนำว่าให้ศึกษาให้ดี ต้องได้คุยกับแพทย์ผู้ผ่าตัดให้เรา เราต้องรู้ว่าเราใส่ซิลิโคนอะไร ผ่าตัดด้วยวิธีไหน และอย่าเห็นราคามาก่อนคุณภาพนะครับ

ศัลยแพทย์เฉพาะทางเสริมหน้าอก นพ. พลเดช สุวรรณอาภา (หมอหลุยส์)

ปรึกษาหรือสอบถามได้ที่