เหนียงคืออะไร เกิดจากอะไรบ้าง พร้อมวิธีกำจัดเหนียงอย่างไรให้ได้ผล

เหนียงคืออะไร เกิดจากอะไรบ้าง พร้อมวิธีกำจัดเหนียงอย่างไรให้ได้ผล

ปัญหาคางสองชั้น หรือที่เรียกกันอีกอย่างว่า “เหนียง” คือส่วนที่ไขมันสะสม จนเกิดเป็นชั้นไขมันบริเวณคางไปจนถึงลำคอ นอกจากจะส่งผลให้เสียความมั่นใจแล้ว ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพอีกด้วย เพราะเป็นบริเวณที่สะสมไขมันเอาไว้ แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไป คางสองชั้นหรือเหนียง สามารถแก้ไขได้หลายวิธี ในบทความนี้จะพามาทำความรู้จักกับไขมันส่วนเกินบริเวณลำคอและคางที่เราเรียกว่าเหนียงว่าคืออะไร? ไขมันใต้คางเกิดจากอะไร  พร้อมกับข้อแนะนำในการกำจัดไขมันส่วนเกินในบริเวณนี้ และวิธีกำจัดเหนียงให้น้อยลง ไปดูกัน

เนื้อหาที่น่าสนใจ

เหนียง คืออะไร

เหนียง (Turkey Neck) คือไขมันส่วนเกินที่เข้าไปสะสมบริเวณใต้ชั้นผิวหนังใต้คาง จนผิวเกิดการหย่อนคล้อย ย้อยลงมาจนเกิดเป็นเหนียง ซึ่งส่งผลทำให้เห็นเป็นลักษณะของก้อนเนื้อห้อยย้อย ทำให้ดูเหมือนมีคางสองชั้น(double chin) ซึ่งเป็นส่วนที่ลดได้ยากที่สุด แม้จะออกกำลังกาย หรือลดน้ำหนักอย่างไร ไขมันก็เป็นส่วนที่ลดได้ยาก และสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับคนที่มีน้ำหนักตัวมากเท่านั้น แม้คนที่มีรูปร่างผอมเพรียวก็มีปัญหาเหนียงออกได้เช่นกัน ซึ่งส่งผลต่อความมั่นใจให้กับใครหลายๆ คน

เหนียง เกิดจากอะไรได้บ้าง

เหนียง เกิดจากอะไรได้บ้าง

เหนียงหรือไขมันส่วนเกินสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งถ้าหากเราเข้าใจสาเหตุที่เกิดขึ้น จะช่วยให้รู้วิธีป้องกันไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้น หรือช่วยลดปัญหาไม่ให้หนักขึ้นได้ โดยสาเหตุหลักๆ ของการเกิดเหนียงมีดังนี้

1. อายุที่เพิ่มมากขึ้น

เหนียง คือไขมันใต้คางที่เกิดจากอายุที่มากขึ้น เพราะทุกอย่างย่อมเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา เมื่ออายุเพิ่มขึ้นจึงส่งผลทำให้เซลล์ในร่างกายเกิดการเสื่อมสภาพลง ผิวเกิดความหย่อนคล้อย การเผาผลาญไขมันทำได้น้อยลง จึงทำให้เกิดการสะสมของไขมันได้ง่ายขึ้น ทำให้เกิดเหนียงตามมานั่นเอง

2. การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ไขมันใต้คางเกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากแอลกอฮอล์มีผลทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้น้อยลง ไขมันจึงสะสมมากขึ้น และยังทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำจึงทำให้ต้องกักเก็บน้ำให้มากขึ้น เกิดเป็นอาการบวมน้ำได้

3. การทานของหวานมากเกินไป

เหนียง คือหนึ่งในผลกระทบจากการที่ร่างกายกินของหวานมากเกินไป จนทำให้ไขมันไปสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงบริเวณเหนียง นอกจากนี้ น้ำตาลยังส่งผลทำให้ผิวเสื่อมสภาพ เพราะน้ำตาลมีส่วนในการทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ผิวจึงเหี่ยวย่น หย่อนคล้อย ทำให้ดูแก่กว่าวัยอีกด้วย

4. การทานผักผลไม้น้อย

ผักผลไม้เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ระบบการเผาผลาญทำงานมีประสิทธิภาพ รวมถึงช่วยบำรุงผิวให้มีความอ่อนเยาว์และกระชับ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมความแข็งแรงของเซลล์ผิวได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ซึ่งเหนียงสามารถเกิดจากการทานผักผลไม้ไม่เพียงพอ หรือทานน้อยได้ เพราะจะส่งผลทำให้ผิวเกิดการเสื่อมสภาพลง จึงยิ่งเกิดปัญหาเหนียงขึ้นมาได้

5. การกินอาหารที่มีปริมาณโซเดียมสูง

เหนียง เกิดจากการกินอาหารที่มีโซเดียมสูงเป็นประจำ จะส่งผลให้ร่างกายจะต้องกักเก็บน้ำในร่างกายมากขึ้นเพื่อขับโซเดียมออกจากร่างกาย ทำให้เกิดอาการบวมน้ำได้ ซึ่งอาหารที่มีโซเดียมนั้นไม่ใช่แค่อาหารที่มีรสเค็มเท่านั้น แต่อาหารจำพวกอาหารสำเร็จรูป และเครื่องปรุงรสต่างๆ ก็มีโซเดียมมากเช่นกัน ซึ่งหากเลี่ยงไม่ได้ก็ควรลดปริมาณให้น้อยลง

6. การกินอาหารมื้อดึกเป็นประจำ

การกินอาหารมื้อดึกบ่อยๆ ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการเผาผลาญของร่างกายนั้นลดลง เพราะการย่อยอาหารจะต้องใช้ระยะเวลาหลายชั่วโมง หากกินแล้วนอนเลย ระบบเผาผลาญจะทำงานได้น้อยลง ไขมันจึงเกิดการสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ง่ายขึ้น

มัดรวม 6 วิธีการลดเหนียง ช่วยยกกระชับหน้าที่ดีที่สุด

มัดรวม 6 วิธีการลดเหนียง ช่วยยกกระชับหน้าที่ดีที่สุด

วิธีการกำจัดเหนียง หรือวิธียกกระชับใบหน้ามีหลายวิธี ซึ่งในแต่ละวิธีก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพการหาข้อมูลก่อนตัดสินใจเป็นสิ่งสำคัญ โดยวิธีกำจัดเหนียงมีดังนี้

1. การฉีดเมโสแฟต

1. การฉีดเมโสแฟต

การฉีดเมโสแฟตเหนียง เป็นวิธีกำจัดเหนียงด้วยการฉีดยาที่ช่วยสลายไขมันลงในชั้นไขมันโดยตรง โดยสารที่ออกฤทธิ์หลักๆ คือ Artichoke extract (Cynara scolymus) ซึ่งจะคอยทำหน้าที่กระตุ้นการสังเคราะห์ Coenzyme ในกระบวนการ Anabolism ช่วยลดเนื้อเยื่อไขมัน และลดการสังเคราะห์กรดไขมัน 

นอกจากนี้ในเมโสแฟตยังมี L-carnitine ที่ช่วยสลายกรดไขมันในร่างกาย โดยจะทำการส่งกรดไขมันเข้าสู่เซลล์ และดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงาน ทำให้ลดการสะสมไขมันและช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย จะเหมาะกับคนที่ต้องการลดเหนียง ลดไขมันเฉพาะจุด โดยมีไขมันสะสมน้อย ถึงปานกลาง และไม่เหมาะกับคนที่ตั้งครรภ์หรืออยู่ในระหว่างให้นมบุตร คนไข้โรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ คนไข้โรคหัวใจ หรือมีโรคติดเชื้อ

2. การฉีดโบท็อกซ์

การฉีดโบท็อกซ์ลดเหนียง นอกจากจะเป็นวิธีกำจัดเหนียงแล้ว ยังเป็นวิธียกกระชับใบหน้าอีกด้วย ด้วยการใช้วิธีโบท็อกซ์ลิฟต์กรอบหน้าด้วยเทคนิค Nefertiti Lift เป็นการฉีดเข้าไปยังกล้ามเนื้อส่วน Platysma ช่วงลำคอ และใบหน้าส่วนล่างให้กล้ามเนื้อส่วนนี้ทำงานน้อยลง กรอบผิวจะถูกดึงขึ้น ทำให้กรอบหน้าชัดขึ้น ทำให้เหนียงดูลดลง

การฉีดโบท็อกซ์ จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนในช่วง 2-4 สัปดาห์ และจะอยู่ได้นานประมาณ 3-4 เดือนโดยจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกซ์ที่ใช้ และพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคน แต่วิธีนี้จะเหมาะกับผู้ที่มีช่วงกรอบหน้าไม่กระชับ มีเหนียงจากผิวหย่อนคล้อย ไม่ใช่เหนียงที่เกิดจากการสะสมของไขมัน

3. การร้อยไหม

3. การร้อยไหม

ร้อยไหม คือการใส่ไหมเข้าไปยังบริเวณที่มีไขมันสะสมใต้คางหรือเหนียง โดยไหมที่จะร้อยเข้าไปจะช่วยดึงยกกระชับผิวที่หย่อนให้ขึ้นมา ซึ่งหลังร้อยไหมเหนียงจะดูกระชับ กรอบหน้าจะดูชัดขึ้น สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ แต่การร้อยไหมไม่ได้เข้าไปสลายไขมันโดยตรง แต่จะช่วยยกกระชับใบหน้า ช่วยยกผิวที่หย่อนคล้อยขึ้น จะเหมาะกับคนที่มีเหนียงในปริมาณไม่เยอะมาก และจะไม่เหมาะกับผู้ที่มีเนื้อที่เหนียงเยอะหรือผิวค่อนข้างแน่น หากมีไขมันสะสมเยอะแนะนำว่าให้ทำการรักษาโดยการฉีดสลายไขมันก่อนแล้วจึงมาทำการรักษาด้วยการร้อยไหม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น

4. การดูดไขมัน

การดูดไขมันใต้คาง จะเป็นการใช้อุปกรณ์ท่อขนาดเล็กดูดไขมันส่วนเกินออกมา เป็นวิธีแบบเร่งด่วนที่เห็นผลชัดเจนได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ซึ่งผิวใต้คางจะดูกระชับขึ้น และเหนียงจะลดลง แต่จะต้องใช้เวลาในการพักฟื้นประมาณ 2-3 วัน โดยวิธีนี้จะต้องอาศัยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น รอยฟกช้ำ อาการบวมผิดปกติ เป็นต้น เป็นวิธีที่เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมใต้คางในปริมาณมาก และยังมีความยืดหยุ่นของผิวที่ดี แต่วิธีนี้จะช่วยสลายเพียงไขมันเท่านั้น แต่จะไม่สามารถกำจัดผิวหนังส่วนเกินที่หย่อนคล้อยได้

5. การทำหัตถการต่างๆ

5. การทำหัตถการต่างๆ

มีการทำหัตถการอื่นๆ อีกที่ช่วยยกกระชับใบหน้า ยกตัวอย่างเช่น การทำ HIFU ลดเหนียง ซึ่งเป็นการใช้คลื่นอัตราซาวด์เปลี่ยนพลังงานความร้อนปล่อยเข้าถึงชั้นเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อส่วนบน(SMAS)ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวกระชับขึ้น และช่วยป้องกันความหย่อนคล้อยของผิวที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ หรือจะเป็นการทำ Ulthera ลดเหนียง ที่เป็นการใช้อัตราซาวด์ความถี่สูงเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน ให้ส่งไปถึงชั้น SMAS คล้ายกับการทำ HIFU แต่จะมีการส่งพลังงานได้แม่นยำกว่า และยกกระชับ สร้างคอลลาเจนได้ดีกว่า HIFU แต่ก็จะมีราคาที่สูงกว่าด้วยเช่นกัน

6. การผ่าตัดศัลกรรมลดเหนียง

การผ่าตัดดึงหน้าลดเหนียง เป็นการผ่าตัดไขมันส่วนเกินบริเวณใต้คางที่สะสมจนเกิดชั้นเนื้อหรือเหนียง ซึ่งการผ่าตัดจะช่วยยกกระชับกล้ามเนื้อบริเวณใต้คาง และคอที่หย่อนคล้อย เป็นวิธีที่ช่วยลดเหนียงได้อย่างถาวร เหมาะกับผู้ที่มีไขมันบริเวณใต้คางมากๆ จะไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติเกิดแผลคีลอยด์ได้ง่าย เพราะต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน และเสี่ยงต่อการติดเชื้อหากดูแลตัวเองหลังผ่าตัดได้ไม่ดีพอ ซึ่งถ้าหากต้องการรักษาด้วยวิธีนี้จะต้องทำการศึกษาข้อมูลให้ดีและเลือกใช้บริการคลินิกที่ได้มาตรฐาน และแพทย์จะต้องสามารถวางแผนการผ่าตัดเพื่อลดเหนียงอย่างมีประสิทธิภาพได้

ศัลยกรรมดึงหน้าลดเหนียง ทำที่ไหนดี เลือกอย่างไร

ในการทำศัลยกรรมดึงหน้าลดเหนียง โดยเทคนิคเอนโดไทน์ ซึ่งถือว่าเป็นวิธียกกระชับหน้าที่ดีที่สุด ดังนั้น จะต้องเลือกทำกับคลินิกที่มีมาตรฐาน มีคุณภาพ แพทย์จะต้องมีความเชี่ยวชาญ เพราะการทำศัลยกรรมดึงหน้าลดเหนียงจะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ การเลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากใช้บริการกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน เห็นว่ามีราคาถูกแต่ไม่ศึกษาข้อมูลของคลินิกนั้นให้ดี เจอแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์มากพอ อาจส่งผลให้ผลลัพธ์ที่ได้นั้นหนักกว่าเดิม หรือไม่อาจสามารถกลับมาแก้ไขได้อีก ดังนั้นควรเลือกคลินิกที่มีชื่อเสียง มีรีวิวให้เห็น และแพทย์จะต้องมีประสบการณ์ มีใบรับรอง และสามารถวางแผนการรักษาที่เหมาะสมให้กับคนไข้แต่ละเคสได้ เพราะปัญหาไขมันส่วนเกินนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุแพทย์จะต้องวินิจฉัยได้ว่าควรแก้ไขอย่างไร ประสบการณ์จึงสำคัญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

ผ่าตัดดึงหน้าลดเหนียงที่ Jarem Clinic ดีกว่าอย่างไร

ผ่าตัดดึงหน้าลดเหนียงที่ Jarem Clinic ดีกว่าอย่างไร

การผ่าตัดดึงหน้าลดเหนียง หรือการทำ Endotine กับ Jarem Clinic เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของคลินิกที่ได้มาตรฐาน คลินิกสะอาดปลอดเชื้อโรค ทำการผ่าตัดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์มามากมาย สามารถวางแผนการรักษาในแต่ละเคสเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดของแต่ละคนได้ ช่วยให้ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นที่พึงพอใจแก่ตัวคนไข้แน่นอน

สรุป

เหนียง คือไขมันส่วนเกินที่เข้าไปสะสมบริเวณใต้ชั้นผิวหนังใต้คาง จนผิวเกิดการหย่อนคล้อย ทำให้ดูเหมือนมีคางสองชั้น ซึ่งเหนียงเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ไปจนถึงจากอายุที่มากขึ้น ซึ่งสามารถแก้ไขได้หลายวิธีเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการดูดไขมัน การฉีดโบท็อกซ์ การร้อยไหม หรือการผ่าตัดดึงหน้า โดยในแต่ละวิธีก็จะเหมาะสำหรับความต้องการที่แตกต่างกันออกไป

ในกรณีที่มีปริมาณไขมันใต้คางจำนวนมากควรเลือกวิธีผ่าตัดดึงหน้า ทาง Jarem Clinic มีเทคนิคการผ่าตัดดึงหน้า ยกกระชับใบหน้า ที่ทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ สามารถวางแผนการรักษา และประเมินได้ว่าปัญหาของคนไข้ของแต่ละคนควรแก้ไขอย่างไรให้เหมาะสม ออกมาสวยงามเข้ากันในแต่ละเคส เพื่อกรอบหน้าที่ชัดเจน และช่วยเพิ่มความมั่นใจได้อย่างเต็มที่

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการผ่าตัดดึงหน้าลดเหนียง (FAQ)

ในบทความนี้เราได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยมาเพื่อตอบคำถามที่หลายๆ คนสงสัยเกี่ยวกับการผ่าตัดดงหน้าลดเหนียง จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย

1. การผ่าตัดดึงหน้าลดเหนียง อันตรายไหม

การผ่าตัดถึงหน้าลดเหนียง หากปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทราบรายละเอียดต่างๆ ทั้งการเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัด และการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดทั้งหมดแล้ว การผ่าตัดก็ไม่เป็นอันตราย และในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีศัลยกรรมที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง จึงมีความปลอดภัยสูงกว่าการผ่าตัดดึงหน้าในแบบเดิม

2. การผ่าตัดดึงหน้าลดเหนียง ใช้เวลาพักฟื้นนานแค่ไหน

การผ่าตัดดึงหน้าลดเหนียงใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน เพียง 2 สัปดาห์หน้าที่บวมก็จะเริ่มกลับมายุบ และหน้าจะเริ่มเข้ารูปภายใน 1-2 เดือน

3. การผ่าตัดดึงหน้าลดเหนียง ช่วยให้ไขมันลดลงจริงไหม

อาจจะไม่สามารถช่วยสลายไขมันได้ทั้งหมด แต่จะช่วยยกกระชับใบหน้า ให้กรอบหน้าชัด และช่วยลดเหนียงได้

บทความโดย

นพ. พลเดช สุวรรณอาภา

ศัลยแพทย์ เฉพาะทางเสริมหน้าอก

บทความเกี่ยวข้อง