วิธีเลือกชุดชั้นในอย่างไร? ให้เหมาะกับรูปร่าง เสริมสร้างความมั่นใจ

ปกบทความวิธีเลือกชุดชั้นใน

ผู้หญิงนอกจากดูแลหน้าและรูปร่างให้สวยดูดีอยู่เสมอแล้ว ‘หน้าอก’ เป็นอีกหนึ่งส่วนที่ผู้หญิงทุกคนต้องดูแล ซึ่งอุปกรณ์ชิ้นสำคัญ ที่ช่วยให้หน้าอกเต่งตึงอยู่เสมอสำหรับผู้หญิงคือ ชุดชั้นใน ที่ทำหน้าที่รักษารูปทรงหน้าอกไม่ให้หย่อนคล้อย ลดความเสี่ยงเรื่องสุขภาพ และที่สำคัญยังช่วยประคองหน้าอกไม่ให้เคลื่อนไหวมากจนเกินไปเวลาทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันอีกด้วย แต่การเลือกชุดชั้นในมาสวมใส่ จำเป็นต้องให้เหมาะสมกับขนาดหน้าอก รูปทรงหน้าอก และกิจกรรมที่ทำด้วย

โดยบทความนี้จะพาไปดูวิธีเลือก ชุดชั้นใน อย่างไรให้เหมาะสม คัพเล็ก คัพกลาง คัพใหญ่ หรือคัพไหนๆ ก็ไม่ต้องกังวล เพราะการเลือกชุดชั้นในจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

วิธีเลือกชุดชั้นใน

ความสำคัญของการเลือกชุดชั้นใน

ถึงแม้ว่าเหตุผลหลักๆ ที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ใส่ของชุดชั้นในคือการปกปิดหน้าอกไม่ให้ดูโป๊จนเกินไป แต่ในความจริงแล้วชุดชั้นในยังช่วยประคองหน้าอกให้อยู่ทรง สวยได้รูป ไม่ให้หย่อนคล้อยตามแรงโน้มถ่วงของโลกด้วย ดังนั้นการเลือกเสื้อในให้เหมาะกับรูปร่างและขนาดหน้าอกของผู้สวมใส่ ก่อนดูสีสันหรือลวดลายอย่างที่หลายคนชอบทำ จึงเป็นวิธีเลือกชุดชั้นในที่ถูกต้องที่สุดเวลาซื้อชุดชั้นใน เพราะถึงเป็นแบบที่สวยถูกใจแต่ใส่แล้วหลวมเกินไปจะทำให้รู้สึกไม่กระชับ หน้าอกเคลื่อนที่ไปมาในระหว่างทำกิจกรรมต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่มั่นใจขาดความเชื่อมั่นจนไม่กล้าขยับตัว

นอกจากนี้ ถ้าใส่เสื้อชั้นในหลวมบ่อยๆ ก็ยังเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยตามมา แต่ในทางกลับกัน หากเลือกชุดชั้นในคับแน่นมากจนเกินไป นอกจากทำให้รู้อึดอัดหรือเคลื่อนไหวร่างกายไม่สะดวกแล้ว ยังก่อให้เกิดรอยแดง รอยกดทับตามแนวของขอบเสื้อ และยังมีผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวอีกด้วย

วิธีเลือกเสื้อใน

ชุดชั้นในที่ดีและเหมาะสม คืออะไร?

สำหรับการเลือกชุดชั้นในนั้น ควรให้มีขนาดพอดีกับหน้าอก ไม่หลวมหรือคับแน่นมากเกินไป เพื่อให้รู้สึกกระชับและสบายเวลาสวมใส่ไปพร้อมๆ กัน แต่นอกจากการสวมใส่ที่พอดีแล้ว ชุดชั้นในที่ดียังต้องครอบคลุมหน้าอกทั้งหมด ต้องไม่เนื้อส่วนใดส่วนหนึ่งล้นออกมานอกชุดชั้นใน และไม่เห็นส่วนร่องนม โดยแนะนำว่าควรเลือกชุดชั้นในที่ทำจากผ้าคอตตอนหรือผ้าไนลอนที่มีคุณสมบัติที่นุ่มสบาย ระบายอากาศ และความอับชื้นได้ดี จึงไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองเวลาสวมใส่

ส่วนปัจจัยอื่นๆ นอกเหนือจากเรื่องราคา รูปแบบ การตัดเย็บ หรือดีไซน์ ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจส่วนบุคคล แต่โดยทั่วไปแล้วชุดชั้นในจากแบรนด์ดังมักมีดีไซน์ คุณภาพ และราคาสูงกว่าชุดชั้นในทั่วไปที่ไม่มีแบรนด์

วิธีวัดขนาดหน้าอก

วัดขนาดหน้าอกก่อนเลือกชุดชั้นใน

หากกำลังวางแผนซื้อชุดชั้นใน เรื่องแรกที่ควรรู้คือ ขนาดหน้าอกของตัวเอง เพราะนำไปเปรียบเทียบกับขนาดของชุดชั้นในที่แสดงบนป้าย ซึ่งแสดงในหน่วย ‘คัพ’ หรือผลต่างระหว่างรอบหน้าอกกับรอบใต้หน้าอก และขนาดของลำตัวใต้หน้าอกแสดงหน่วยเป็นนิ้วหรือเซนติเมตร

สำหรับวิธีวัดขนาดหน้าอกสามารถวัดง่ายๆ ด้วยการใช้สายวัดบริเวณ 2 จุด ได้แก่ รอบหน้าอกและรอบใต้หน้าอก หลังจากได้ความยาวจากทั้งสองจุดแล้วให้นำมาลบกันและนำเอาผลต่างไปเทียบกับสัญลักษณ์ภาษาอังกฤษแทน A – E ก็จะได้วิธีเลือกชุดชั้นในที่ถูกต้องโดย

  • ผลต่างของรอบหน้าอกกับรอบใต้หน้าอก 9 -11 เซนติเมตร เท่ากับคัพ A
  • ผลต่างของรอบหน้าอกกับรอบใต้หน้าอก 11.5 -13.5 เซนติเมตร เท่ากับคัพ B
  • ผลต่างของรอบหน้าอกกับรอบใต้หน้าอก 14 -16 เซนติเมตร เท่ากับคัพ C
  • ผลต่างของรอบหน้าอกกับรอบใต้หน้าอก 16.5 -18.5 เซนติเมตร เท่ากับคัพ D
  • ผลต่างของรอบหน้าอกกับรอบใต้หน้าอก 19 – 21 เซนติเมตร เท่ากับคัพ E

ตัวอย่างเช่น วัดขนาดใต้หน้าอก 75 เซนติเมตร ผลต่างของรอบหน้ากับรอบใต้หน้าอกตรงกับคัพ B ให้เลือกชุดชั้นในที่แสดงสัญลักษณ์ 75B แต่ถึงอย่างนั้นบ้างแบรนด์อาจแสดงเป็นนิ้ว อย่างขนาด 75B จะเขียนเป็น 30B ได้เช่นกัน ดังนั้นหากแสดงหน่วยเป็นนิ้วควรแปลงเป็นหน่วยเซนติเมตรก่อนตัดสินใจชื่อชุดชั้นใน

ประเภทของชุดชั้นใน

ประเภทของชุดชั้นใน

ชุดชั้นในนั้นมีหลายประเภท เพื่อลองรับไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันออกไปของแต่ละคน ดังนี้

บรามีโครง

ชุดชั้นในที่มีโครงช่วยยึดรูปทรงและรองรับหน้าอก โดยมีลวดโครงที่อยู่ด้านในชุดชั้นใน เพื่อช่วยยกและรองรับหน้าอก บรามีโครงจะช่วยให้หน้าอกของผู้สวมใส่มีรูปทรงหน้าอกที่สวยงาม นอกจากนี้ บรามีโครงยังช่วยให้หน้าอกดูมีความเป็นระเบียบและไม่หย่อนคล้อย เหมาะสำหรับผู้หญิงที่มีขนาดหน้าอกใหญ่ แต่อย่างไรก็ตาม การสวมใส่ชุดชั้นในประเภทนี้นั้นอาจทำให้รู้สึกไม่สบาย จึงไม่เหมาะกับวันที่มีกิจกรรมที่ต้องใช้ความคล่องตัวสูง

ทีเชิร์ตบรา

ทีเชิร์ตบรา (T-shirt bra) เหมาะกับผู้ที่ชอบการสวมใส่เสื้อยืด (T-shirt) หรือเสื้อผ้าที่มีลักษณะเป็นเสื้อยืด โดยมีลักษณะเด่น คือไม่มีตะเข็บและไม่มีโครงช่วยยึดรูปทรง เหมาะสมกับการสวมใส่เสื้อผ้าที่มีลักษณะผ้าบางๆ

สปอร์ตบรา

เหมาะกับผู้หญิงที่ชอบกิจกรรมทางกายภาพหรือการออกกำลังกาย มีสายรัดเพื่อให้รองรับหน้าอกได้ดี มีพื้นที่ที่กว้างพอที่จะรองรับหน้าอกได้เต็มที่ นอกจากนี้ สปอร์ตบรายังมีการใช้ผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เพื่อช่วยให้ผิวหนังและเสื้อผ้าไม่อับชื้น เน้นการระบายอากาศ และเน้นเคลื่อนไหวได้สะดวก

บราดันทรง

บราดันทรง คือบรามีโครงช่วยยึดรูปทรงแน่น และมีรูปทรงที่เป็นบราแบบเต็ม โดยบราดันทรง จะความสามารถยกและรองรับหน้าอกได้ดี เหมาะกับผู้หญิงที่มีหน้าอกขนาดใหญ่

เสื้อชั้นในครึ่งทรง

เสื้อชั้นในครึ่งทรงหรือ Demi Bra ออกแบบมาเพื่อให้รองหน้าอกเปิดเผยเล็กน้อย โดยมักจะมีพื้นที่ครอบคลุมหน้าอกได้ประมาณ 50-75% หรือเป็นรูปทรงครึ่งวงกลม เหมาะสำหรับการสวมใส่กับเสื้อผ้าที่มีคอเรียบ หรือคอกลมที่ไม่เปิดเผยมากนัก นอกจากนี้ เสื้อชั้นในครึ่งทรงยังช่วยรักษาระดับความสูงของหน้าอกและช่วยให้หน้าอกดูสวยงาม

เสื้อชั้นในเต็มทรง

เสื้อชั้นในเต็มทรงหรือ Full Coverage Bra เป็นเสื้อชั้นในที่ออกแบบมาเพื่อให้ครอบคลุมหน้าอกและพื้นที่รอบหน้าอกอย่างเต็มที่ โดยมักมีรูปทรงคล้ายกับเสื้อผ้าปกติทั่วไป ทำให้เหมาะสำหรับผู้หญิงที่มีหน้าอกขนาดใหญ่ หรือต้องการความสบายและความมั่นใจในการสวมใส่เสื้อผ้า

เสื้อชั้นในเสริมฟองน้ำ

บรามีฟองน้ำภายในช่องที่ทำจากผ้าหรือเครื่องหมายที่เอาไว้เพื่อเสริมและยกกระชับหน้าอก ซึ่งช่วยให้หน้าอกดูมีขนาดใหญ่ การเลือกซื้อเสื้อชั้นในเสริมฟองน้ำควรคำนึงถึงขนาดและความพอดีกับรูปร่างของเราเพื่อให้ได้ความสบายและรูปร่างที่เหมาะสม

บราไร้สาย

บราไร้สาย คือบราแบบไม่มีสายและออกแบบมาเพื่อสวมใส่กับเสื้อผ้าเกาะอกหรือเปิดไหล่ โดยทั่วไปจะมีแถบรัดรอบชายโครงเพื่อพยุงและยึดบราให้อยู่กับที่

บราปีกนก

บราที่มีกาวในตัว ไม่มีสายรัดหรือแถบรัดด้านหลัง และถูกยึดด้วยกาวแทน สามารถใช้ซ้ำหรือใช้แล้วทิ้งได้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและประเภท เหมาะสำหรับชุดเปิดหลังหรือเกาะอก

วิธีเลือกเสื้อในให้เหมาะกับตัวเอง

วิธีการเลือกชุดชั้นในให้เหมาะสม

หลังจากวัดขนาดหน้าอกตัวเองและรู้ว่าควรเลือกชุดชั้นในคัพและไซซ์ไหน ขั้นตอนต่อมาคือ ฃการเลือกชุดชั้นในที่เหมาะสมกับตัวเอง แต่เนื่องจากปัจจุบันมีชุดชั้นในให้เลือกหลายแบบ ทั้งชุดชั้นในแบบมีโครง แบบไร้โครง แบบเกาะอก บราเล็ต สปอร์ตบรา และบราปีกนก โดยชุดชั้นในแต่ละประเภทจะเหมาะกับทรงหน้าอกและกิจกรรมที่แตกต่างกัน ส่วนจะมีวิธีเลือกชุดชั้นในอย่างไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย

การเลือกชุดชั้นในให้เหมาะกับทรงหน้าอก

เพราะหน้าอกของผู้หญิงไม่ได้มีรูปทรงเดียว แต่ยังมีความหย่อนคล้อย ความกว้างฐานหน้าอก และความพุ่งชันของทรงหน้าอกที่แตกต่าง แถมมีความเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้หญิงหลายคนมักมีคำถามว่าหน้าอกทรงนี้ หน้าอกเล็ก หรือหน้าอกใหญ่ควรใส่บราแบบไหน อย่างนั้นมาดูกันเลยว่าหน้าอกมีกี่รูปแบบ และแต่ละทรงเหมาะกับชุดชั้นในแบบใดบ้าง

หน้าอกทรงเชอร์รี่

หน้าอกทรงเชอร์รี่

ลักษณะของหน้าอกทรงเชอรี่คือ มีเนื้อหน้าอกเล็ก หน้าแบนเรียบ ทรงฐานเต้าไม่ชัดเจน และหน้าอกมีความพุ่งชันน้อย ทำให้หน้าอกลักษณะนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างว่าหน้าอกไข่ดาว ดังนั้นเพื่อเพิ่มความชัน ความหนา และความสวยงามให้หน้าอกมากขึ้น จึงต้องเสริมความหนาด้วยชุดชั้นในเสริมฟองน้ำแบบมีโครงหรือไม่มีโครงก็ได้

หน้าอกทรงเลมอน

หน้าอกทรงเลมอน

ลักษณะของหน้าอกทรงเลมอนคือ มีเนินหน้าอกเล็ก ระยะอกห่าง กล้ามเนื้อบริเวณหน้าอกน้อย ทำให้หน้าอกหย่อนคล้อยดูไม่กระชับ จึงต้องใส่ชุดชั้นในที่มีฐานเสื้อชั้นในกว้างเพื่อเก็บกระชับเอาเนื้อด้านข้างลำตัว ช่วยเสริมหน้าอกให้ดูอวบอิ่มขึ้น โดยจะเลือกชุดชั้นในแบบมีโครงหรือไม่มีโครงก็ได้เช่นกัน

หน้าอกทรงแอปเปิล

หน้าอกทรงแอปเปิล

ลักษณะของหน้าอกทรงแอปเปิลคือ มีเนื้อหน้าอกมาก เต้าเป็นทรงกลม พุ่งชันสูง ทำให้หน้าอกมีความแข็งแรง จึงเหมาะกับชุดชั้นในทุกรูปแบบ แต่ควรให้ความสำคัญกับการเลือกขนาดให้พอดีกับขนาดหน้าอกมากที่สุด อย่าคับหรือหลวมไป

หน้าอกทรงสับปะรด

หน้าอกทรงสับปะรด

ลักษณะสำคัญของหน้าอกทรงสับปะรดคือ มีเนื้อหน้าอกมากกว่าหน้าอกทรงแอปเปิลทั้งเนื้อด้านหน้าและด้านข้างลำตัว ทำให้หน้าอกดูมีขนาดใหญ่และพุ่งชัน แต่ส่วนฐานหน้าอกเล็กอาจมีปัญหาหย่อนคล้อยในอนาคต เพราะฉะนั้นจึงแนะนำให้เลือกชุดชั้นในแบบเต็มทรงหรือ Full Cup และแบบ Soft Bra บราแบบนิ่มไม่เสริมฟองน้ำ จะช่วยเก็บกระชับเนื้อส่วนเกินด้านข้างได้ดีกว่าชุดชั้นในแบบอื่น

หน้าอกทรงสตรอว์เบอร์รี

หน้าอกทรงสตรอว์เบอร์รี

ลักษณะของหน้าอกทรงสตรอว์เบอร์รีคือ มีเนินหน้าอกเล็ก ระยะอกห่าง กล้ามเนื้อบริเวณหน้าอกน้อยคล้ายกับหน้าอกทรงเลมอน แตกต่างกันตรงทรงนี้มีฐานเต้าที่กว้างกว่า จึงต้องใส่ชุดชั้นในที่มีคุณสมบัติช่วยเก็บเนื้ออกที่หย่อยคล้อย พยุงหน้าอกให้ดูกระชับ และยกหน้าอกให้พุ่งสูงได้รูปทรงมากขึ้น อย่างชุดชั้นในที่มีโครงดันทรง โครงอ่อนประคองหน้าอก หรือชุดชั้นในแบบติดตะขอด้านหน้า

หน้าอกทรงลูกแพร์

หน้าอกทรงลูกแพร์

ลักษณะของหน้าอกทรงลูกแพร์คือ ฐานเต้ากว้าง เนื้อหน้าอกมาก ทำให้หน้าอกดูหย่อนคล้อย จึงควรเลือกชุดชั้นในที่มีโครงดันทรงและขอบข้างหนา เพื่อเก็บเนื้อด้านข้างลำตัวและพยุงหน้าอกให้กระชับ

การเลือกชุดชั้นในให้เหมาะกับกิจกรรม

การเลือกชุดชั้นในให้เหมาะกับกิจกรรมที่ทำในแต่ละวันเป็นอีกหนึ่งวิธีเลือกชุดชั้นในที่หลายคนใช้ เพราะชุดชั้นในจะช่วยให้เคลื่อนไหวคล่องตัวมากขั้นและไม่อึดอัดเวลาทำกิจกรรม

วันธรรมดาที่ไม่ต้องเคลื่อนไหวมาก

ความหมายของวันธรรมดาที่ไม่ต้องเคลื่อนไหวมากคือ วันปกติที่ไม่ได้กิจกรรมผาดโผนที่ต้องเคลื่อนไหว ทำให้เหงื่อออกน้อยอย่างการนั่งเรียนหนังสือ นั่งทำงาน หรือนั่งดูหนังฟังเพลงอยู่บ้าน จึงสามารถเลือกชุดชั้นในได้ตามความชอบ ทั้งชุดชั้นในแบบเกาะอก บราเล็ต บรามีโครง บราไร้โครง แต่ต้องเลือกชุดชั้นในที่มีขนาดพอดีและเหมาะกับรูปทรงของหน้าอก

วันออกกำลังกาย หรือต้องเคลื่อนไหวมาก

ในวันที่ต้องไปออกกำลังกายหรือวันที่ต้องเคลื่อนไหวมากๆ อย่างวันที่ต้องเดินทางหรือวันที่ต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง จึงแนะนำให้เลือกใส่เป็นสปอร์ตบาร์ได้ทั้งแบบดันทรงและไม่ดันทรง และควรเลือกชุดชั้นในที่ซับเหงือน้อย ระบายอากาศได้ดี จะช่วยให้เกิดความคล่องตัวและสบายตัวมากขึ้นเวลาทำกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหว

ประโยชน์ของการสวมใส่ชุดชั้นใน

ประโยชน์ของการสวมใส่ชุดชั้นใน

แน่นอนว่าประโยชน์สำคัญของการวิธีเลือกชุดชั้นในอย่างถูกต้องตามขนาด รูปทรง และกิจกรรมที่ทำในแต่ละวันนอกจากจะปกปิดและพยุงหน้าอกไม่ให้เกิดปัญหาหย่อนคล้อยในภายหลังแล้ว ยังช่วยในเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น

  • เพิ่มความมั่นใจในรูปร่าง เพราะชุดชั้นในที่มีขนาดพอดีและเหมาะสมกับรูปร่างจะช่วยให้หน้าอกอยู่ทรงสวยได้รูปและปกปิดจุดบกพร่อง อย่างปัญหาหน้าอกแบน เนื้อหน้าอกน้อยหรือมากเกินไปได้
  • ลดอาการปวดหลัง ไหล่ และคอ เพราะชุดชั้นในที่นิยมใส่กันจะมีสายคล้องคอ หากใส่ชุดชั้นในพอดีจะไม่ทำให้เกิดแรงดึงรั้งบริเวณหลัง ไหล่ และต้นคอ
  • ลดสาเหตุการปวดหัวเรื้อรัง หรือไมเกรน เพราะชุดชั้นในที่มีขนาดพอดีจะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีกว่าการใส่ชุดชั้นในที่รัดแน่น
  • ลดอาการเหนื่อยง่าย การเจ็บหน้าอกเรื้อรัง และระบบทางเดินหายใจมีปัญหา เพราะชุดชั้นในที่มีขนาดพอดีไม่จะไม่ก่อให้เกิดแรงกดทับบริเวณหน้าอก ทำให้หายใจสะดวก ลดโอกาสเกิดปัญหาเจ็บหน้าอก และโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจและอนาคต
  • ลดความเสี่ยงการเกิดซีสต์ หรือเนื้องอก จากการกดทับบริเวณต่อมน้ำเหลือง เนื่องจากซีสต์และเนื้องอกเกิดจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของต่อมผลิตน้ำนมในหน้าอก การใส่ชุดชั้นในแบบพอดีจะไม่ก่อให้เกิดแรงกดทับและลดความเสี่ยงในการเกิดซีสต์หรือเนื้องอก

โดยสรุปแล้วจะเห็นได้ว่าวิธีเลือกชุดชั้นในให้เหมาะสมกับขนาด รูปร่าง และกิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน เป็นผลดีและมีความสำคัญกับผู้หญิงทุกคน ทั้งเรื่องความมั่นใจ การใช้ชีวิตประจำวัน และสุขภาพในระยะยาว แต่สำหรับใครที่รู้สึกไม่มั่นใจหรือหน้าอกมีปัญหาเรื่องขนาดหรือรูปทรง ทาง Jarem Clinic คลินิกเสริมหน้าอกเรา จะช่วยเสริมความมั่นใจให้กับคุณผู้หญิงทุกคนได้

บทความเกี่ยวข้อง