ก่อนทำนมต้องเตรียมตัวอย่างไร? พร้อมไขข้อข้องใจเกี่ยวกับการทำนม

ปกบทความ เตรียมตัวก่อนทำศัลยกรรมหน้าอก

หากให้พูดถึงการผ่าตัดศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ คงหนีไม่พ้นกับการศัลยกรรมหน้าอก หรือการทำนมนั่นเอง โดยมียอดผู้ทำศัลยกรรมประเภทนี้ต่อปีมากถึง 20,000 คนกันเลยทีเดียว ใครที่กำลังสนใจ หรือวางแผนจะศัลยกรรมเสริมหน้าอกจำเป็นต้องรู้วิธีเตรียมตัวก่อนทำนม ขั้นตอนการทำ และข้อห้ามหลังเสริมหน้าอก ซึ่งในบทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลน่ารู้มาไว้อย่างครบครัน

สิ่งที่ต้องรู้! ก่อนทำนม

หลายครั้งที่ผู้ตัดสินใจทำนมพบว่ามีปัญหาติดขัดมากมาย เพราะขาดความเข้าใจในการทำศัลยกรรมหน้าอก และไม่ได้เตรียมตัวก่อนเสริมหน้าอก เพื่อให้ผู้ต้องการทำศัลยกรรมได้มีโอกาสเตรียมความพร้อมก่อนทำนม ในเบื้องต้นแล้ว ผู้สนใจทำศัลยกรรมหน้าอกควรศึกษารูปแบบของการเสริมหน้าอก การเลือกซิลิโคน และเตรียมร่างกายให้พร้อม โดยมีดังนี้

เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน กับ เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง

ศึกษาเกี่ยวกับรูปแบบการเสริมหน้าอก

ในปัจจุบันนี้การศัลยกรรมหน้าอกมี 2 รูปแบบ โดยสามารถเลือกทำได้ทั้งแบบใดแบบหนึ่ง หรือผสม 2 รูปแบบก็ได้อีกด้วย อย่างไรก็ดี ผู้สนใจในการทำนมควรรู้แบบเจาะลึกเสียก่อนว่า 2 รูปแบบในการเสริมหน้าอกนั้นมีความเหมือน และแตกต่างกันอย่างไร

การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน

การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนจัดได้ว่าเป็นรูปแบบที่หลายคนรู้จักกันอย่างแพร่หลาย เหมาะกับผู้ที่มีเนื้อบริเวณหน้าอกน้อย และมีลักษณะหน้าอกแบนราบ ซึ่งรูปแบบการเสริมลักษณะนี้จะเป็นการนำซิลิโคนสำหรับหน้าอกผ่าตัดเข้าไป โดยนิยมใช้เพื่อเพิ่มขนาดหน้าอกให้ได้ตามความต้องการของผู้ทำศัลยกรรม

นอกจากการเสริมเพื่อเพิ่มขนาดหน้าอกแล้ว ยังช่วยในการแก้ไขรูปทรงหน้าอกเพื่อให้หน้าอกได้รูปทรงสวย เพิ่มมั่นใจ เติมเสน่ห์ความสวยให้กับผู้ที่มีปัญหาหน้าอกไม่เท่ากัน หย่อนคล้อยเกินวัย หรือผู้ที่มีหน้าอกห่าง และต้องการให้หน้าอกชิดดูเฟิร์ม ทั้งหมดนี้ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน

การเสริมด้วยไขมันตัวเอง

การเสริมด้วยไขมันตัวเองกำลังเป็นกระแสของการเสริมหน้าอกที่มาแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการทำนมด้วยรูปแบบนี้จะทำให้หน้าอกมีความเป็นธรรมชาติสูง เพราะเป็นการใช้เนื้อเยื่อของตัวเอง รู้สึกเจ็บน้อยกว่า และไม่มีผลเป็นเท่ากับการเสริมด้วยซิลิโคน ทั้งนี้ อาจมีชปรากฏแค่รอบเข็มเล็กๆ เท่านั้น

แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่เช่นเดียวกัน เพราะการใช้เครื่องมือเฉพาะทำให้มีค่าใช้จ่ายสูง ใช้ระยะเวลาในการทำศัลยกรรมค่อนข้างนาน และที่สำคัญคือเซลล์ไขมันที่นำมาฉีดนั้นสามารถเสื่อมสลายได้ตามธรรมชาติ

วิธีการเลือกซิลิโคน

ศึกษาเกี่ยวกับการเลือกซิลิโคน

ซิลิโคนเป็นอีกสิ่งที่ผู้ต้องการทำนมควรศึกษาให้ดีก่อน เพื่อให้สามารถเลือกซิลิโคนในการแก้ไขปัญหาหน้าอกเดิม และให้ตอบโจทย์ความต้องการของตัวเองได้ โดยซิลิโคนที่ใช้ในทุกวันนี้มี 2 ประเภท ดังนี้

ซิลิโคนน้ำเกลือ (Saline Implants)

รูปแบบของซิลิโคนน้ำเกลือนี้จะเป็นถุงน้ำที่ถูกห่อหุ้มด้วยซิลิโคน โดยที่แพทย์จะเติมน้ำเกลือเข้าไปในถุงตามขนาดที่ผู้ทำศัลยกรรมต้องการ ข้อดีของซิลิโคนน้ำเกลือ คือ ปลอดภัยต่อร่างกาย หากถุงซิลิโคนเกิดรั่ว หรือเสื่อมสภาพ น้ำเกลือที่ไหลออกมา ร่างกายจะทำการดูดซึมตามธรรมชาติ

แต่ข้อเสีย คือ สัมผัสที่แตกต่างจากหน้าอกธรรมชาติอย่างมาก เนื่องจากสัมผัสจะเหมือนกับลูกโป่งที่มีน้ำอยู่ภายใน ถ้าแพทย์ผู้ทำศัลยกรรมไม่มีความชำนาญที่มากพอ ก็อาจจะทำให้ถุงซิลิโคนมีรอยย่น และเสียงน้ำกระเพื่อมได้ เพราะมีลมในถุงซิลิโคนนั่นเอง

ซิลิโคนแบบเจล (Silicone Gel Implants)

อาจจะเรียกได้ว่านี่เป็นซิลิโคนสำเร็จรูปก็ว่าได้ และมีความนิยมมากกว่าซิลิโคนน้ำเกลือ เนื่องจากมีรูปทรงที่คงตัวกว่า และชำรุดได้ยาก ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องของเหลวภายในซิลิโคนจะไหลออกเหมือนกับซิลิโคนน้ำเกลือ

แต่ซิลิโคนแบบนี้ก็ยังสามารถเสียหายได้ ทำให้ทุกๆ 3 ปีจำเป็นต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจสภาพซิลิโคนว่ามีสภาพปกติหรือไม่ เพราะอาจทำให้หน้าอกของผู้ทำศัลยกรรมเป็นลอน ที่เกิดจากการเหี่ยวย่นของถุงซิลิโคนได้ โดยถุงซิลิโคนแบบเจลมีการแบ่งประเภทแยกย่อยไปอีก 3 รูปแบบ ดังนี้

    • ถุงเจลธรรมดา : ความหนาแน่นน้อย ทำให้สัมผัสของซิลิโคนนุ่มมือเป็นพิเศษ ใกล้เคียงกับสัมผัสของหน้าอกธรรมชาติ แต่ข้อเสียคือไม่ล็อกตำแหน่ง ทำให้สามารถเคลื่อนที่ไหลไปมาได้ และยังสามารถฉีกขาดได้ง่าย
    • ถุงเจล Cohesive Gel : ความหนาแน่นของถุงซิลิโคนกำลังดี มีความยืดหยุ่นได้สูง ทำให้นี่เป็นรูปแบบถุงซิลิโคนที่มีความนิยมสูงสุด โอกาสในการชำรุดของถุงซิลิโคนน้อยกว่าถุงเจลธรรมดา
    • ถุงเจล High Cohesive Gel : นี่เป็นถุงซิลิโคนที่มีความยืดหยุ่น และแข็งแรงสูงที่สุด ทำให้แทบจะไม่มีโอกาสที่ถุงซิลิโคนจะรั่วซึมออกมาได้เลย ส่วนสัมผัสก็มีความคล้ายคลึงกับหน้าอกธรรมชาติมาก
เตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนทำศัลยกรรมหน้าอก

เตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนทำนม

ก่อนทำนมผู้เข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมต้องเตรียมตัวเหมือนกับผู้ป่วยที่กำลังเข้ารับผ่าตัดใหญ่ทั่วไป เพื่อให้ระหว่างการผ่าตัดราบรื่น ลดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นกับผู้เข้าผ่าตัด และยังส่งผลดีกับการพักฟื้น ที่ร่างกายจะฟื้นฟูตัวได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เชื่อว่าทุกคนคงอยากรู้แล้วว่ามีอะไรบ้างที่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเสริมหน้าอก ไปติดตามกันต่อได้เลย

    • งดสูบบุหรี่ และแอลกอฮอล์ ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
    • งดรับประทานยาละลายลิ่มเลือด Aspirin และ Ibuprofen ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
    • งดรับประทานอาหาร และน้ำ ก่อนดมยาสลบเป็นเวลา 6 ชั่วโมง
    • ควรทำความสะอาดร่างกายให้เรียบร้อย
    • ควรตรวจร่างกาย คลื่นไฟฟ้าหัวใจตามเกณฑ์ และเลือดตามระเบียบก่อนเข้าผ่าตัด
    • ถ้าผู้เข้ารับผ่าตัดคนใดคาดว่าจะมีประจำเดือนในช่วงเวลาผ่าตัด ให้รับประทานยาเลื่อนประจำเดือนไปเสียก่อน
วิธีดูแลตัวเองหลังทำศัลยกรรมหน้าอก

หลังทำนมต้องดูแลตัวเองอย่างไร?

วิธีการดูแลแผลหลังจากเข้ารับผ่าตัดศัลยกรรมหน้าอก แพทย์จะให้คำแนะนำอยู่แล้ว แต่เพื่อให้ผู้เข้ารับการผ่าตัดมีความรู้ในการดูแลตัวเองพื้นฐาน จะยิ่งทำให้คุณสามารถดูแลตัวเองได้อย่างรัดกุม ลดความเสี่ยงของอาการแทรกซ้อน และช่วยให้การฟื้นตัวของแผลดียิ่งขึ้นด้วย

    • สวมเสื้อผ้าที่พยุงเต้านม เพื่อลดอาการบวม และรักษาทรงให้เข้าที่
    • สวมเสื้อผ้าสบายๆ เพื่อลดการบิดตัวไปมา
    • ใส่บราไม่มีโครงต่อเนื่อง อย่างน้อย 1 เดือน ลดการกดทับในบริเวณหน้าอกชั่วคราว
    • ลดการเคลื่อนไหวตัวบริเวณหน้าอก และรักแร้ ไม่ว่าจะเป็น การวิ่ง หรือยกของสูง เพื่อไม่ให้แผลปริ
    • ทายา และรับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ลดภาวะแทรกซ้อน และฟื้นฟูแผลให้ปิดเร็วที่สุด
    • นวดหน้าอก หลังจากที่ได้รับการผ่าตัดศัลยกรรมหน้าอก 5-7 วัน เพื่อป้องกันพังผืดรอบซิลิโคน
    • รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เนื่องจากโปรตีนจะช่วยเรื่องการซ่อมแซม และฟื้นฟูร่างกายได้เป็นอย่างดี
ขั้นตอนการทำศัลยกรรมหน้าอก โดย หมอหลุยส์ Jarem Clinic

ขั้นตอนการทำนมมีอะไรบ้าง?

สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษา หรืออยากเห็นภาพรวมของขั้นตอนการผ่าตัดศัลยกรรมหน้าอกกันก่อนถึงเวลาจริง นี่จะเป็นการปูข้อมูลการทำนมว่ามีลำดับขั้นตอนอย่างไรบ้าง เพื่อลดอาการตื่นตระหนกเมื่อถึงเวลา โดยพื้นฐานแล้วจะมีการแบ่งออกเป็น 5 ขั้นตอน ได้แก่

    1. ศัลยแพทย์อาจจะทำการสรุปแผนของการผ่าตัดของคุณอีกรอบ เพื่อให้คุณรับทราบลำดับในการผ่าตัด
    2. ศัลยแพทย์เริ่มลงมือวาดรอยปะบริเวณที่จะผ่าตัดตามที่ได้วางแผนไว้
    3. หากวิธีการเสริมหน้าอกของคุณเป็นการผ่าตัดเสริมซิลิโคน จะมีการวางใช้ยาสลบให้กับผู้รับการผ่าตัด แต่ในกรณีที่ผู้ทำศัลยกรรมใช้วิธีการฉีดไขมัน คุณหมอจะทำใช้ยาชาเท่านั้น
    4. ตำแหน่งของการผ่าตัดส่งผลกับระยะเวลาที่แพทย์ใช้อย่างมาก หากแผนที่คุณ และศัลยแพทย์ตกลงกันแล้ว คือ การผ่าตัดใต้ราวนมจะใช้ระยะเวลาน้อยกว่าการผ่าตัดที่รักแร้ หรือปานนม เนื่องจากไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า ต้องมองผ่านกล้องนั่นเอง
    5. หลังจากที่มีการผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว ศัลยแพทย์จะทำการปิดแผลที่ทำการผ่าตัด โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง
ข้อห้ามหลังเสริมหน้าอก

ข้อห้ามหลังเสริมหน้าอกที่ควรรู้ไว้

หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าการดูแลตัวเองหลังเสริมหน้าอก สามารถส่งผลโดยตรงกับอายุการใช้งานของซิลิโคนด้วย ถึงแม้ว่าทางโรงงานผู้ผลิตซิลิโคนจะรับประกันซิลิโคนนั้นอยู่ที่ 5 ปี แต่ถ้าหากคุณดูแล และหมั่นตรวจสอบสุขภาพอยู่เสมอ อายุการใช้งานของซิลิโคนสามารถที่จะอยู่ไปยาวๆ ได้มากถึง 10 ปีกันเลย นอกจากวิธีการดูแลตัวเองที่นำเสนอไปข้างต้น ก็ยังมีข้อห้ามที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อให้แผลฟื้นฟูได้ดี และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ ดังนี้

    • งดของหมักดอง การรับประทานอาหารหมักดองหลังจากที่ได้รับการผ่าตัด อาจจะทำให้ร่างกายมีความเสี่ยงในการติดเชื้อ และเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ทางที่ดีแล้วผู้รับการผ่าตัดควรรับประทานอาหารเบาๆ เน้นโปรตีน เพื่อเสริมให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองได้ดี หรือเน้นไขมันดี และวิตามินซีจะเป็นการดีกว่า
    • งดยกของหนัก ในช่วงระยะเวลา 1 เดือนแรก คุณไม่ควรที่จะยกของหนักแต่อย่างใด เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของซิลิโคน และยังเป็นการลดโอกาสแผลที่อาจจะปริ หรือฉีก กิจวัตรประจำวันของผู้เข้ารับศัลยกรรมหน้าอกต้องระวัง อย่าให้บริเวณหน้าอกถูกกระทบกระเทือน เพื่อไม่ให้หน้าอกผิดรูป
    • งดดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ หนึ่งในคำแนะนำของแพทย์ที่เชื่อว่าทุกคนน่าจะได้ยินกันอยู่บ่อยครั้ง เพราะว่าแอลกอฮอล์ และบุหรี่ทำให้แผลหลังจากการทำศัลยกรรมหายช้า ทำให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองได้ไม่เต็มที่ ในบางกรณียังทำให้แผลเกิดนูน ดูไม่สวยงาม และกลายเป็นฝันร้ายของผู้ทำศัลยกรรมในท้ายที่สุด
หลังเสริมหน้าอกควรนอนท่าไหน

หลังเสริมหน้าอกควรเลือกท่านอนแบบไหน?

หลังจากที่ผ่าตัดทำศัลยกรรมหน้าอกเสร็จสิ้นแล้ว วิธีการดูแลในช่วงแรกเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับทุกคน จะสังเกตได้ว่ามีวิธีการดูแลหลังผ่าตัดค่อนข้างมาก และข้อห้ามที่ต้องหลีกเลี่ยงเพื่อรักษาทรงหน้าอกให้ไม่เคลื่อน หรือผิดทรงจากที่ศัลยแพทย์ได้ทำการผ่าตัดไว้

หนึ่งในสิ่งที่เป็นกิจวัตร และผู้ทำศัลยกรรมหน้าอกต้องรู้คือ ท่านอน นั่นเอง นอนท่าไหนจะดีต่อการป้องกันซิลิโคนเคลื่อนที่ ใช้ระยะเวลานานแค่ไหนกว่าจะนอนตะแคงได้ และคำถามอื่นๆ เกี่ยวกับการนอน มีคำตอบไว้ให้คุณหมดแล้ว ในเนื้อหาส่วนนี้

    • ท่านอนที่ถูกต้อง หลังศัลยกรรมหน้าอก ท่านอนหงายแบบยกศีรษะสูงกว่าระดับตัว เป็นท่านอนที่ดีที่สุดหลังทำศัลยกรรมหน้าอกมา เพราะท่านี้จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดได้เป็นอย่างดี ให้ศีรษะของคุณอยู่สูงกว่าร่างกายประมาณ 30-40 องศา อาจจะเป็นการซ้อนหมอนนิ่มๆ สัก 2-3 ใบ พร้อมกับนำหมอนข้างอีกสองใบมาล็อกคอ เพื่อไม่ให้เผลอนอนตะแคง หากคุณเผลอตะแคง หรือนอนคว่ำอาจจะทำให้แผลปริ และฉีกขาดได้
    • ทำนมกี่วันกว่าจะนอนตะแคง – นอนคว่ำหน้า ได้ ต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือนกว่าที่ผู้ทำศัลยกรรมหน้าอกจะสามารถกลับมานอนตะแคงได้อีกครั้ง อย่างไรก็ดี ควรระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนบริเวณหน้าอกจนเกินไป เพราะอาจส่งผลกับรูปทรงของหน้าอกได้ ในกรณีของการนอนคว่ำหน้าต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 2-3 เดือน เพื่อให้แผลเกือบปิดสนิท และหน้าอกของคุณเข้าที่แล้วจริงๆ ในช่วงแรกหลังจากผ่าตัดเสร็จนี้คุณจำเป็นต้องฝึกนอนหงายอย่างต่อเนื่อง เพื่อรูปทรงของหน้าอกที่สวยงาม
FAQ เกี่ยวกับการเสริมหน้าอก

FAQ เกี่ยวกับการเสริมหน้าอก

เนื้อหาสุดท้ายนี้จะเป็นการรวบรวมคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมเสริมหน้าอก มัดรวมทุกคำถามที่ผู้สนใจทำนม อัปไซส์ ไม่ควรพลาด เจาะลึกกับทุกประเด็นสาระที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจในการทำศัลยกรรมส่วนนี้ได้ จะมีคำถามอะไรที่ตรงกับข้อสงสัยของคุณหรือไม่ ติดตามคำถาม และพบกับคำตอบที่มีพร้อมไว้เพื่อคุณ

ทำนมเจ็บไหม?

หลังจากที่ทำนมไปแล้ว แน่นอนว่ามีอาการเจ็บ แต่เป็นระดับที่ผู้ทำศัลยกรรมสามารถทนได้ โดยอาจจะรู้สึกเจ็บในช่วง 1-3 วันแรกเท่านั้น เนื่องจากแผลยังไม่สมานดี และเพิ่งมีอาการเสียเลือดครั้งใหญ่ไป ระยะเวลานี้ผู้ทำศัลยกรรมอาจรู้สึกอ่อนเพลียง่าย ไม่แข็งแรง ทำให้ต้องพักฟื้น และรับประทานอาหารโดยเน้นกลุ่มโปรตีน เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ความเจ็บหรืออาการบวมขึ้นอยู่กับทักษะของศัลยแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดร่วมด้วย หากมีความชำนาญหรือเป็นแพทย์เฉพาะทางก็จะทำให้ผลลัพธ์ออกมาตามที่ผู้ทำศัลยกรรมต้องการ พร้อมกับแผลที่มีขนาดเล็กอีกด้วย

ทำนมกี่วันถึงตัดไหมได้?

ข้อปฏิบัติหลังจากรับการผ่าตัดเสริมหน้าอก คือ ช่วงระยะ 3 วันแรกอย่าให้แผลที่รับการผ่าตัดนั้นโดนน้ำโดยเด็ดขาด โดยแพทย์จะนัดทำการตัดไหมที่แผล หลังจากครบกำหนด 7 วันหลังจากผ่าตัด

ทำนมต้องพักฟื้นกี่วัน?

โดยส่วนมากแล้วจะมีการพักฟื้นที่สถานพยาบาลหลังผ่าตัดเสร็จสิ้น 1 คืน เพื่อให้ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด ให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อโรค และป้องกันภาวะโรคแทรกซ้อน รวมถึง อาจพักฟื้นอีก 1 วันเพื่อสังเกตการณ์ และให้ผู้รับบริการได้ลองปรับกิจวัตรประจำวันใหม่ตามคำแนะนำของศัลยแพทย์ เนื่องจากมีหลายสิ่งที่ต้องเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต เช่น การนอน การกิน หรือจะเป็นการเคลื่อนไหว เพื่อป้องกันซิลิโคนเคลื่อนที่จนหน้าอกไหล และเปลี่ยนรูปทรงไปในที่สุด

ทำนมกี่วันถึงจะนอนตะแคงได้?

หลังจากที่ทำการผ่าตัดศัลยกรรมหน้าอกได้ประมาณ 1 เดือน คุณถึงจะเริ่มกลับมานอนตะแคงได้อีกครั้ง อย่างไรก็ดี ควรระมัดระวังไม่ให้ช่วงบริเวณหน้าอกเกิดการกระทบกระเทือนมาก เพื่อไม่ให้แผลที่กำลังจะปิดเกิดการฉีกขาดอีกครั้ง

ทำนมที่ไหนดี?

เพื่อให้ได้รับการบริการที่ปลอดภัย ก่อนทำนมควรเลือกสถานพยาบาลที่มีใบอนุญาต มีแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพแพทย์ และมีสถานที่ที่สะอาด โดย Jarem Clinic มีเทคนิคพิเศษอย่าง Dual Plane หรือเทคนิคที่วางซิลิโคนโดยผสานระหว่างการเสริมใต้และเหนือกล้ามเนื้อเข้าด้วยกัน ซึ่งทำโดยหมอหลุยส์ ศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านการเสริมหน้าอก

ทำนมราคาเท่าไหร่?

ราคาเสริมหน้าอกจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละคลินิก และเทคนิคที่เลือกใช้ โดยที่ Jarem Clinic มีค่าบริการเริ่มต้นที่ 65,999 บาท โดยสามารถตรวจสอบโปรโมชันได้จากหน้าเว็บไซต์ หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ในช่องทางติดต่อต่างๆ เช่น Line หรือเบอร์โทรศัพท์

จะเห็นได้ว่าการทำศัลยกรรมหนึ่งครั้งมีสิ่งที่ต้องเตรียมตัว และระวังหลังจากผ่าตัดเสร็จสิ้นแล้วไม่ใช่น้อย ยิ่งในกรณีของศัลยกรรมเสริมหน้าอก ที่ก่อนทำนมจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลทั้งเรื่องรูปแบบการเสริมหน้าอก และการเลือกซิลิโคนให้เหมาะกับความต้องการ อีกทั้งการเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการผ่าตัดเองก็มีความสำคัญอย่างมาก นอกจากนี้ หลังจากผ่าตัดก็ยังคงต้องดูแล และระมัดระวังการใช้ชีวิตยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การงดสูบบุหรี่ และแอลกอฮอล์ ไม่นอนตะแคง และหลีกเลี่ยงการยกของหนัก เพื่อป้องกันซิลิโคนเคลื่อนที่ และไม่ให้แผลเกิดฉีกขาดจนต้องไปเย็บแผลใหม่ หากดูแลดี และเป็นไปตามคำแนะนำของศัลยแพทย์ หน้าอกของคุณก็จะสวย อยู่ทรง และยืดอายุการใช้งานของซิลิโคนได้

บทความโดย

นพ. พลเดช สุวรรณอาภา

ศัลยแพทย์ เฉพาะทางเสริมหน้าอก

"การเตรียมตัวก่อนศัลยกรรมหน้าอก มีความสำคัญไม่แพ้ขั้นตอนที่เหลือคือขั้นตอนการผ่าตัด ขั้นตอนการดูแลหลังผ่าตัด เพราะถ้าเราไม่มีการเตรียมตัวเราจะไม่รู้เลยว่าเราจะเจอปัญหาอะไรบ้าง บางปัญหาก็ไม่น่ากลัว บางปัญหาก็ทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้นก่อนผ่าตัดทุกครั้งผมจะต้องเตรียมตัวคนไข้อย่างดี อย่างจริงจังเสมอ"

บทความเกี่ยวข้อง