ต่อมไขมันที่เปลือกตาอุดตันคืออะไร? อันตรายไหม? แก้ไขได้อย่างไร?

ปกบทความต่อมไขมันเปลือกตาอุดตัน

ในทุกๆ ครั้งที่มองกระจก หลายคนอาจสังเกตเห็นว่า ตัวเองมีก้อนสีเหลืองอยู่บริเวณใต้ผิวหนังรอบดวงตา แทนที่จะเรียบเนียน สวยงาม ผู้หญิงหลายคนจึงพยายามปกปิดด้วยการแต่งหน้าบริเวณนี้ให้หนา โดยอาจพบได้ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่แตกต่างกัน ส่วนใหญ่พบบริเวณเปลือกตาบน

หลายคนพบว่าเกิดขึ้นได้รอบดวงตา ก้อนไขมันที่เปลือกตานี้ นอกจากจะสร้างความรำคาญและลดทอนความมั่นใจเพราะทำให้รูปลักษณ์ดูไม่สวยงามแล้ว อาจสร้างความวิตกกังวลให้ใครหลายคน เนื่องจากอาจกลัวว่าจะเป็นก้อนเนื้อร้ายที่ส่งผลอันตรายต่อชีวิต หรือเกรงว่าจะลุกลามไปยังอวัยวะส่วนอื่น

ซึ่งในความเป็นจริงแล้วก้อนสีเหลืองดังกล่าวนี้ อาจเป็นก้อนที่เกิดจากไขมันมาสะสมบริเวณเปลือกตา หลายคนที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่ มาทำความรู้จักกับไขมันที่เปลือกตาผ่านบทความนี้กันได้เลย

ลักษณะของไขมันสะสมที่เปลือกตา

ลักษณะของไขมันสะสมที่เปลือกตา

เพื่อเป็นการประเมินตัวเองในเบื้องต้นว่ามีอาการของไขมันสะสมที่เปลือกตาหรือไม่ ก่อนอื่น มาทำความรู้จักกันก่อนว่า ไขมันสะสมที่เปลือกตา หรือ Xanthelasma มีลักษณะอย่างไร คำว่า Xanthelasma มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก “xanthos” แปลว่า สีเหลือง และ “elasma” แปลว่าจานแบน

ก้อนไขมันที่เปลือกตานี้จึงมีสีเหลือง มีลักษณะนิ่มหรือกึ่งแข็ง คล้ายคราบหินปูน เป็นแผ่นเรียบแบน อาจพบลักษณะเป็นก้อนกลมด้วย มีขนาดประมาณ 1-2 มิลลิเมตร สามารถมองเห็นได้ชัดเจนด้วยตาเปล่า

ตำแหน่งที่พบไม่จำเพาะเจาะจง สามารถพบได้ทั้งบริเวณเปลือกตาบนและเปลือกตาล่าง หรือรอบดวงตา แต่ส่วนใหญ่พบบริเวณเปลือกตาบนมากกว่าเปลือกตาล่าง มักพบได้มากบริเวณหัวตาใกล้กับจมูกมากกว่าส่วนของหางตา

ไขมันสะสมเปลือกตาเกิดจาก

ไขมันสะสมเปลือกตาเกิดจากสาเหตุใด

ไขมันที่เปลือกตาเกิดจากการสะสมของไขมันที่เปลือกตาบริเวณชั้นหนังแท้ โดยกลไกการเกิดอาการนั้นยังไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน

อาการของไขมันสะสมที่เปลือกตา

อาการของไขมันสะสมที่เปลือกตา

ไขมันที่เปลือกตาส่วนใหญ่ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด ไม่มีอาการคัน ไม่เป็นอันตรายต่อดวงตา ไม่มีผลต่อการมองเห็น แต่ผู้ป่วยอาจมีอาการลืมตาได้ลำบากหรือมองเห็นวิสัยทัศน์ได้ไม่ชัดเจน หากก้อนไขมันมีขนาดใหญ่หรือมีจำนวนมาก ไม่สามารถลุกลามไปยังอวัยวะส่วนอื่น อาจพบว่าก้อนไขมันที่เปลือกตานี้มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างช้าๆ ได้

ต่อมไขมันเปลือกตาอุดตัน

ปัจจัยที่ทำให้เกิดไขมันสะสมที่เปลือกตา

การเกิดไขมันสะสมที่เปลือกตาสามารถพบได้กับคนทุกเพศ ทุกวัย มากน้อยแตกต่างกัน โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดไขมันที่เปลือกตามีอยู่หลายปัจจัยด้วยกัน ได้แก่

  • การมีภาวะไขมันในเลือดสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอเลสเตอรอล ทั้งจากภาวะไขมันในเลือดสูงที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม และการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง โดยพบว่าโดยเฉลี่ยแล้วผู้ป่วย 50% ที่มีก้อนไขมันที่เปลือกตานี้มักมีความสัมพันธ์กับการมีไขมันในเลือดสูง
  • มีไขมันดี (High Density Lipoprotein (HDL) ) ในร่างกายน้อย
  • มีอาการป่วย เช่น โรคตับแข็งที่ไม่ทราบสาเหตุ โรคไทรอยด์ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เป็นต้น
  • มีการบริโภคแอลกฮอล์หรือสูบบุหรี่ที่มากเกินไปและเป็นประจำ
  • มีภาวะน้ำหนักเกินกว่ามาตรฐานที่กำหนด
  • อายุและเพศ ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการของโรค แม้ว่าโดยปกติแล้วไขมันที่เปลือกตาสามารถเกิดขึ้นได้ในกลุ่มคนอายุระหว่าง 15-73 ปี แต่ก็พบว่าอาการนี้มักพบได้บ่อยในวัยกลางคนที่มีอายุระหว่าง 40-50 ปี รวมถึงผู้สูงอายุ และพบในเพศหญิงได้มากกว่าเพศชาย
  • เชื้อชาติ โดยพบว่าไขมันที่เปลือกตาพบได้มากในคนเอเชียและคนแถบเมดิเตอเรเนียน
รักษาไขมันเปลือกตา

การวินิจฉัยตรวจไขมันสะสมที่เปลือกตา

แพทย์จะทำการวินิจฉัยด้วยการตรวจก้อนไขมันที่เปลือกตาที่เกิดขึ้นบริเวณรอบเปลือกตาเพื่อประเมินอาการเบื้องต้น เช่น ขนาด จำนวน และตำแหน่ง จากนั้นจึงเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม อาจมีการเจาะเลือดเพื่อตรวจหาระดับไขมันในเลือดร่วมด้วย ในกรณีที่มีอาการค่อนข้างมากหรือเจอในคนที่มีอายุน้อย

ไขมันสะสมที่เปลือกตา

ภาวะแทรกซ้อนของไขมันสะสมที่เปลือกตา

ภาวะแทรกซ้อนของการเกิดไขมันที่เปลือกตาส่วนใหญ่เป็นเหตุผลทางด้านภาพลักษณ์และความสวยงาม แม้ว่าอาการทางกายไม่มีความรุนแรง แต่พบว่าการเกิดก้อนไขมันที่เปลือกตานั้น ส่งผลต่อสภาพจิตใจของผู้ป่วย เนื่องจากก้อนไขมันอยู่บริเวณดวงตาบนใบหน้า สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ทำให้ผู้ป่วยเสียความมั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าเผชิญหน้ากับผู้คน ส่งผลทำให้เสียบุคลิกภาพและมีปัญหาในการเข้าสังคม นอกจากนั้นยังก่อให้เกิดความเครียด โดยเมื่อเกิดอาการขึ้นผู้ป่วยมักเกิดความวิตกกังวลว่าจะเป็นเนื้อร้ายหรือขยายตัวลุกลามมากขึ้น

ไขมันที่เปลือกตา

ความรุนแรงของการเกิดไขมันที่เปลือกตา

การเกิดไขมันที่เปลือกตา โดยปกติแล้วไม่มีความรุนแรงที่ส่งผลอันตรายต่อชีวิต และไม่ใช่เนื้อร้ายหรือมะเร็ง แต่พบว่าการเกิดไขมันที่เปลือกตามีความสัมพันธ์กับระดับของไขมันภายในเลือดอย่างที่กล่าวไปข้างต้น ผู้ที่มีการสะสมของไขมันที่เปลือกตา อาจเป็นผลจากการมีภาวะไขมันในเลือดสูง ซึ่งส่งผลให้มีความเสี่ยงในการเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดที่มีความรุนแรงต่อชีวิต ได้แก่ กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน โรคหัวใจขาดเลือด ภาวะหลอดเลือดแข็งตัว เป็นต้น ดังนั้น ผู้ที่มีไขมันสะสมที่เปลือกตา จึงควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจไขมันในเลือดเสียแต่เนิ่นๆ จะได้ทำการป้องกันและรักษาได้อย่างทันท่วงที

วิธีป้องกันไม่ให้เกิดไขมันสะสมที่เปลือกตา

วิธีป้องกันไม่ให้เกิดไขมันสะสมที่เปลือกตา

วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดไขมันที่เปลือกตา คือการปรับพฤติกรรมการบริโภคอาหารและการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น

  • การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น อาหารทอด เบเกอรี่ ไอศกรีม ชีส อาหารแปรรูป เนื้อสัตว์ติดมัน เป็นต้น เลือกบริโภคอาหารที่มีไขมันดี เช่น ธัญพืช ถั่วต่างๆ ปลาแซลมอน ไข่ เต้าหู้และถั่วเหลือง อะโวคาโด เป็นต้น
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะแบบคาร์ดิโอ เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิก อย่างน้อยครั้งละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3 ครั้ง
  • ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานโดยคำนวณจากค่าดัชนีมวลกาย
  • การลดละเลิกปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น การดื่มเครื่องดื่มแอลกฮอล์และสูบบุหรี่ เป็นต้น
การรักษาไขมันที่เปลือกตา

การรักษาไขมันที่เปลือกตา

แม้ว่าการสะสมไขมันที่เปลือกตา จะมีวิธีป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นหรือลดอัตราการเกิดได้ แต่เมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว เพียงแค่การควบคุมและลดระดับไขมันในเลือดนั้น ไม่สามารถทำให้ก้อนไขมันที่เปลือกตาที่เกิดขึ้นมาแล้วสลายหายไปหรือลดขนาดลงได้เอง

เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีในการรักษา ผู้ป่วยไม่สามารถบีบก้อนไขมันนี้ออกได้ด้วยตัวเองเหมือนการบีบสิว หรือหายาทามารักษาเอง จำเป็นต้องปรึกษาและเข้ารับการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง โดยการรักษาไขมันที่เปลือกตา มีวิธีการในการรักษาได้หลายหลายวิธี ดังนี้

จี้เย็น

การรักษาด้วยการจี้เย็น หรือ Cryotherapy เป็นการรักษาด้วยการใช้ความเย็นจากสาร cryogen สารที่นิยมนำมาใช้คือ ไนโตรเจนเหลว เป็นสารที่มีอุณหภูมิติดลบ 196 องศาเซลเซียส โดยจี้ลงไปที่ผิวหนังเป้าหมาย ความเย็นจะเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อ ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นตายและหลุดออกมา เป็นวิธีการที่ใช้เวลาไม่นาน ประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าการผ่าตัด ได้ผลดี เกิดแผลเป็นน้อย อาจพบการเกิดสีผิวผิดปกติได้บ้าง

วิธีนี้เหมาะกับก้อนไขมันที่เปลือกตาที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก การรักษาไขมันที่เปลือกตาวิธีนี้ ผู้ป่วยอาจเกิดความรู้สึกปวดแสบ ปวดร้อนหรือคันขณะทำการรักษาได้ และพบตุ่มน้ำพองใสหลังการรักษา โดยตุ่มพองนี้จะตกสะเก็ดและหลุดหายไปพร้อมกับเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายในการรักษานั้น

จี้ไฟฟ้า

การรักษาไขมันที่เปลือกตาด้วยไฟฟ้า หรือ Electrosurgery โดยใช้เครื่องจี้ไฟฟ้าจี้ออก เป็นการทำลายก้อนไขมันที่เปลือกตาด้วยความร้อนที่เกิดจากกระแสไฟฟ้า

วิธีการนี้แพทย์จะทำการทายาชาบริเวณที่ต้องการรักษาก่อน จึงทำการจี้ด้วยเครื่องจี้ไฟฟ้า การจี้ไฟฟ้าเป็นวิธีรักษาที่ใช้เวลาไม่นาน มีเลือดออกน้อย เข้าสู่เป้าหมายได้ค่อนข้างแม่นยำ

ข้อควรระวังคือหากทำโดยแพทย์ที่ไม่ชำนาญ เครื่องมือไม่ได้มาตรฐานหรือดูแลรักษาแผลหลังจากการรักษาไม่ดี อาจทำให้เกิดเป็นแผลเป็นหรือผิวไหม้จากการใช้ความร้อนที่สูงเกินไปได้

ผ่าตัดด้วยเลเซอร์

เป็นการรักษาไขมันที่เปลือกตาด้วยการใช้เลเซอร์ ส่วนใหญ่เป็นประเภท CO2 laser หรือคาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์ เป็นเลเซอร์ที่ให้ความยาวช่วงคลื่นในระดับที่สามารถผ่านส่วนประกอบของน้ำได้ดี ทำให้ผ่านเข้าสู่เนื้อเยื่อที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบได้อย่างรวดเร็ว

ความร้อนจะส่งผลทำลายเนื่อเยื่อเป้าหมายที่ต้องการ ถือว่าเป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลดี สามารถเข้าทำลายเนื้อเยื่อเฉพาะที่ได้อย่างแม่นยำและเฉพาะเจาะจง โดยไม่ทำให้เนื้อเยื่อรอบข้างเสียหาย ส่วนใหญ่มักไม่มีเลือดออกและไม่จำเป็นต้องเย็บปิดบาดแผล

มีงานวิจัยที่ทำการรักษาไขมันที่เปลือกตาด้วย CO2 laser พบว่าผู้ที่เข้ารับการรักษาทุกคนจากกลุ่มตัวอย่างหายจากอาการดังกล่าวและไม่พบการเกิดแผลเป็นหลังจากการรักษา

ผ่าตัดทั่วไป

การผ่าไขมันที่เปลือกตา เป็นการใช้วิธีผ่าตัดทั่วไปโดยแพทย์ การรักษาไขมันที่เปลือกตาลักษณะนี้ส่วนใหญ่จะทำในผู้ป่วยที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงจากพันธุกรรม ผู้ป่วยที่มีจำนวนก้อนไขมันที่เปลือกตา ทั้งเปลือกตาบนและล่างทั้งสองข้าง หรือผู้ป่วยที่มีกลับมาเป็นซ้ำอีก การผ่าตัดจะมีการเย็บปิดบาดแผล แต่ลักษณะแผลจะขนาดเล็กมาก การรักษาด้วยวิธีนี้อาจต้องระมัดระวังเรื่องการเกิดแผลเป็น

ผลัดเซลล์ผิว

เป็นวิธีการกำจัดไขมันที่เปลือกตาโดยการใช้กรด Trichloroacetic Acid หรือ TCA การรักษาไขมันที่เปลือกตาแบบนี้เหมาะสำหรับการก้อนไขมันที่มีขนาดเล็ก อยู่ในตำแหน่งที่ไม่ใกล้ลูกตาจนเกินไป โดยการรักษาด้วยกรด จะมีการแต้มกรดลงบนเนื้อเยื่อที่ต้องการ ต้องใช้ระดับความเข้มข้นของกรดที่เหมาะสมภายใต้การดูแลโดยแพทย์ หากรักษาไม่ถูกต้องอาจมีผลให้เกิดแผลเป็นหรืออาการเปลือกตาม้วนออกได้

การใช้ยา

ในกรณีที่ผู้ป่วยเกิดไขมันที่เปลือกตาจากภาวะที่มีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูงเกินไป แพทย์อาจวินิจฉัยให้ใช้ยาในการรักษา เช่น ยาซิมวาสแตติน (Simvastatin) ซึ่งเป็นยาที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล อย่างไรก็ตามการรักษาด้วยยาจำเป็นต้องปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์อย่างเคร่งครัด หากพบอาการแพ้ยาต้องรีบแจ้งแพทย์ผู้ทำการรักษาโดยทันที

แม้ว่าการเกิดไขมันสะสมที่เปลือกตาจะเป็นอาการที่ไม่ร้ายแรงและไม่มีผลต่อดวงตาและการมองเห็น แต่ก็พบว่าก้อนไขมันที่เปลือกตาดังกล่าวอาจมีการขยายใหญ่ขึ้นมาได้

นอกจากนั้น การเกิดไขมันสะสมที่เปลือกตายังส่งผลอย่างมากต่อรูปลักษณ์ภายนอก ทำให้ผู้ที่มีอาการดังกล่าวรู้สึกไม่มั่นใจกับหน้าตาของตนเอง ขาดความมั่นใจในการเข้าสังคม เพื่อประโยชน์ในการเสริมสร้างความมั่นใจและความสวยงาม ผู้ที่มีไขมันที่เปลือกตาจึงควรเข้ารับการรักษา อย่าปล่อยให้ก้อนไขมันมีขนาดใหญ่ขึ้นโดยไม่รู้ตัว ยิ่งเข้ารับการรักษาได้เร็วเท่าไร โอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงจากการรักษาก็จะมีน้อยลง

อย่างไรก็ตามพบว่าหลังจากการรักษาผู้ป่วยอาจกลับมามีก้อนไขมันที่เปลือกตาได้อีก หรืออาจเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น เกิดแผลเป็น รอยนูน สีผิวเปลี่ยน จากการรักษาได้ ดังนั้น เพื่อป้องกันผลข้างเคียงดังกล่าว การรักษาไขมันที่เปลือกตาจึงจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาจากแพทย์เฉพาะทางที่มีความรู้และประสบการณ์ เพื่อให้สามารถแนะนำและให้คำปรึกษา รวมทั้งเลือกวิธีการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสมกับอาการได้

โดยที่ Jarem Clinic มีการให้บริการรักษาไขมันที่เปลือกตาภายใต้การแนะนำและการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง Jarem Clinic พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการมีความมั่นใจในการรักษาและความปลอดภัยในการใช้บริการ ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการรักษา

บทความโดย

พญ. ณัฏฐ์ธยาน์ สินประเสริฐกูล

จักษุแพทย์ เฉพาะทางรอบดวงตา

"ปัญหาต่อมไขมันที่เปลือกตาอุดตันทำให้เกิดก้อนไขมันสะสมที่เปลือกตา..."

บทความเกี่ยวข้อง