ULTRAFORMER III นวัตกรรมที่ยกกระชับใบหน้า โดยไม่ต้องศัลยกรรม

ULTRAFORMER III นวัตกรรมที่ยกกระชับใบหน้า โดยไม่ต้องศัลยกรรม

แม้ว่าริ้วรอย และความหย่อนคล้อยจะเป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้ตามกาลเวลา แต่ก็ทำให้หลายคนเสียความมั่นใจ หากเลือกได้ก็อยากจะหยุดเวลาไว้ ให้ผิวเรียบตึง กระชับ แลดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ โชคดีที่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีรุ่นใหม่อย่าง ULTRAFORMER III ที่ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น บทความนี้จะพามาดูว่า ULTRAFORMER III คืออะไร และช่วยเรื่องอะไรบ้าง ดีกว่าหัตถการอื่นอย่างไรตามไปดูกันได้เลย

เนื้อหาที่น่าสนใจ

ทำความรู้จัก ULTRAFORMER III คืออะไร

ULTRAFORMER III คือเทคโนโลยีช่วยกระชับผิว และสลายไขมันส่วนเกินใต้ชั้นผิวที่มีประสิทธิภาพสูง ทำงานโดยการส่งคลื่นอัลตราซาวนด์ที่มีความเข้มข้นสูงและเฉพาะเจาะจง หรือ Micro & Macro Focused Ultrasound (MMFU) ไปยังบริเวณที่ต้องการ คลื่นพลังงานเหล่านี้มีความเสถียร และสามารถลงลึกไปได้ทุกระดับชั้นผิว รวมถึงชั้น SMAS ที่ใช้ทำศัลยกรรมดึงหน้า ช่วยกระตุ้นให้เนื้อเยื่อเกิดการหดตัวและกระชับขึ้น โดยไม่ส่งผลกระทบต่อผิวชั้นบน จึงไม่ทำให้เกิดรอยแผล เมื่อทำเสร็จจึงไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถแต่งหน้าหรือใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

ULTRAFORMER III ช่วยในเรื่องอะไรบ้าง

ULTRAFORMER III ช่วยในเรื่องอะไรบ้าง

จุดเด่นของ ULTRAFORMER III คือช่วยเรื่องการยกกระชับ ทำให้ผิวเต่งตึง สุขภาพดีขึ้น และยังช่วยแก้ปัญหาอื่นๆ ได้ ดังนี้

  • ช่วยให้เนื้อเยื่อใต้ผิวหดตัว ผิวที่หย่อนคล้อยจึงกระชับขึ้น ริ้วรอยร่องลึกลดเลือนลงอย่างเป็นธรรมชาติ 
  • ช่วยสลายไขมันใต้ผิว ทำให้กรอบหน้าชัดขึ้น ใบหน้าเรียวสวยเป็นวีเชฟ
  • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น รูขุมขนกระชับ ใบหน้าดูสดใสอ่อนเยาว์ และยังปกป้องผิวจากริ้วรอยแห่งวัยได้อีกด้วย 
  • สำหรับผู้ที่มีปัญหาคิ้วตก หนังตาตก ULTRAFORMER III จะช่วยยกคิ้ว ยกหางตา ทำให้ดวงตาดูโตสดใส ใบหน้าก็จะดูเด็กลง 
  • ช่วยกระชับสัดส่วน สลายเซลลูไลท์ที่ทำให้เป็นผิวเปลือกส้ม ไม่เรียบเนียน

นวัตกรรม ULTRAFORMER III เหมาะกับใครบ้าง

ULTRAFORMER III สามารถทำได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย นิยมทำในช่วงอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหา ดังนี้

  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยแห่งวัย เช่น ตีนกา รอยย่นที่หน้าผาก 
  • ผู้ที่มีปัญหาร่องแก้ม ร่องมุมปาก แก้มหย่อนคล้อย มุมปากตก
  • ผู้ที่มีปัญหาคิ้วตก หนังตาตก 
  • ผู้ที่มีเหนียง ไขมันใต้คางเยอะ คางสองชั้น มีไขมันสะสมบริเวณแก้มและใบหน้า
  • ผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง
  • ผู้ที่มีปัญหารูปร่าง ต้องการกระชับสัดส่วน สลายไขมันเฉพาะจุด เช่น หน้าท้อง สะโพก ต้นแขน ต้นขา 
  • ผู้ที่กลัวเข็ม ต้องการยกกระชับผิวแบบไม่ผ่าตัด 
  • ผู้ที่ต้องทำงาน ไม่มีเวลาพักฟื้น

ULTRAFORMER III ทำบริเวณไหนได้บ้าง

ULTRAFORMER III สามารถทำได้ทุกบริเวณ เพราะมีหัวยิงหลายขนาดที่สามารถปรับใช้ให้เหมาะสมกับความลึกของชั้นผิวแต่ละส่วน ไม่ว่าจะเป็นบริเวณใบหน้า รอบดวงตา ร่องแก้ม ร่องมุมปาก เหนียง ลำคอ รวมถึงช่วงลำตัว เช่น ต้นแขน ต้นขา รอบเอว หน้าท้อง สะโพก เป็นต้น

ข้อดีของเทคโนโลยี ULTRAFORMER III

ข้อดีของเทคโนโลยี ULTRAFORMER III

ULTRAFORMER III ที่ถ้าหากเทียบกับหัตถการอื่นแล้ว จะมีข้อได้เปรียบ และมีข้อดีหลายประการ ดังนี้

  • เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
  • เจ็บน้อยกว่าการผ่าตัดศัลยกรรม รวมถึงการทำหัตถการอื่นๆ เช่น Hifu หรือ Thermage  
  • ใช้เวลาไม่นาน โดยขั้นตอนทั้งหมดจะใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง
  • ไม่ต้องเสี่ยงอันตรายจากการแพ้สารที่ถูกฉีดเข้าสู่ร่างกาย
  • หลังทำเสร็จไม่มีแผล สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่งหน้าได้

ผลข้างเคียงของการทำ ULTRAFORMER III

แม้ว่า ULTRAFORMER III จะเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยยกกระชับผิวโดยไม่ต้องฉีด ไม่ต้องผ่าตัด แต่การทำ Ultraformer ก็อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้เช่นกัน ดังนี้

  • ระหว่างทำอาจมีอาการเจ็บบ้างเล็กน้อย
  • หลังทำอาจมีรอยแดงหรืออาการชาเล็กน้อย แต่จะหายได้เองใน 1-2 ชั่วโมง
  • บางรายอาจมีอาการบวมหลังทำประมาณ 1-2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับสภาพผิว สามารถประคบเย็นช่วยได้
  • ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
ตรวจสอบเครื่อง ULTRAFORMER III แท้ได้อย่างไร

ตรวจสอบเครื่อง ULTRAFORMER III แท้ได้อย่างไร

เนื่องจากปัจจุบันการทำ ULTRAFORMER III เป็นที่นิยมมาก จึงทำให้มีการทำของลอกเลียนแบบ หรือของปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัย และทำให้เกิดผลข้างเคียงหลังทำได้ ก่อนทำ  ULTRAFORMER III จึงควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเครื่องที่ทางคลินิกใช้เป็นของแท้ โดยมีวิธีสังเกตเบื้องต้น ดังนี้ 

  • สังเกตใบรับรองจากบริษัทผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่าย ULTRAFORMER III ที่มักจะติดไว้หน้าคลินิก
  • บนเครื่องมีโลโก้คำว่า ULTRAFORMER III และสัญลักษณ์ MMFU (Micro and Macro Focused Ultrasound) แปะอยู่
  • มีโลโก้ ULTRAFORMER III ปรากฏบนหน้าจอเมื่อเปิดเครื่อง
  • Handpiece หรือหัวของเครื่อง ULTRAFORMER III ต้องสามารถใช้งานได้ทั้ง 2 ข้าง บริเวณด้ามจับ มีตัวหนังสือ “CLASSYS” ส่วนด้านบนมีคำว่า “ULTRAFORMER III” รวมถึงตัวเลขบ่งบอกขนาดของหัว

การเตรียมตัวก่อนทำ ULTRAFORMER III

เพื่อให้การทำ ULTRAFORMER III เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ก่อนเข้ารับบริการ ควรมีการเตรียมตัว ดังนี้

  • นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
  • งดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • งดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีความเป็นกรด เช่น เรตินอยด์ AHA เพราะจะทำให้ผิวบาง ระคายเคืองง่าย
  • หากมีการทำหัตถการอื่นมาก่อน เช่น เลเซอร์ ร้อยไหม ฉีดโบท็อกซ์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อเว้นระยะห่างให้เหมาะสม
การดูแลตัวเองหลังทำ ULTRAFORMER III

การดูแลตัวเองหลังทำ ULTRAFORMER III

การดูแลตัวเองหลังทำก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยให้ผลลัพธ์ของการทำ ULTRAFORMER III อยู่ได้นานขึ้น โดยมีข้อควรระวัง ดังนี้

  • ล้างหน้าด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ หลีกเลี่ยงการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น
  • หลีกเลี่ยงการนวด ขัด สครับผิว เช็ดหรือถูหน้าแรงๆ ในช่วง 2 สัปดาห์แรก
  • หลีกเลี่ยงความร้อน เช่น การทำกิจกรรมกลางแจ้ง ซาวน่า หรือออกแดดเป็นเวลานาน ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก
  • ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง เป็นประจำทุกวันแม้ไม่ได้ออกจากบ้าน
  • งดการทำหัตถการที่ต้องใช้ความร้อนสูง เช่น เลเซอร์
  • หากมีอาการบวม สามารถใช้เจลเย็นประคบเบาๆ เพื่อลดอาการบวมได้ 
  • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อช่วยเสริมกระบวนการสร้างคอลลาเจน และงดการสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ ที่จะไปทำลายคอลลาเจน

ULTRAFORMER III VS ULTRAFORMER MPT

ULTRAFORMER III และ ULTRAFORMER MPT เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยยกกระชับผิวเหมือนกัน และยังใช้คลื่นอัลตราซาวนด์แบบเฉพาะเจาะจงเหมือนกันอีกด้วย แต่มีข้อแตกต่างกันตรงที่ ULTRAFORMER MPT เป็นเครื่องที่พัฒนาต่อยอดมาจาก ULTRAFORMER III จึงมีประสิทธิภาพมากกว่า โดยสามารถปล่อยพลังงานได้ 471 Dots/Shot ในขณะที่เครื่อง ULTRAFORMER III  ปล่อยพลังงานได้ 17 Dots/Shot  จึงใช้เวลาในการทำน้อยกว่า และให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานกว่า 

นอกจากนี้ ULTRAFORMER MPT ยังมีโหมดพลังงาน 2 แบบ คือ Normal Mode ที่จะปล่อยพลังงานเป็นจุดไข่ปลาเล็กๆ เรียงกัน และ MP Mode (Micro Pulse Mode) ที่จะปล่อยพลังงานต่อกันเป็นเส้นตรงยาว รวมถึงมีหัวยิงใหม่ที่ปล่อยพลังงานเป็นวงกลม ซึ่งจะเน้นผลเรื่องการปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน รูขุมขนกระชับ ผิวกระจ่างใส

ULTRAFORMER III ต่างจากนวัตกรรมอื่นอย่างไร

ULTRAFORMER III ต่างจากนวัตกรรมอื่นอย่างไร

ปัจจุบันมีหลากหลายนวัตกรรมที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการยกกระชับผิว และลดเลือนริ้วรอย แต่จะมีความแตกต่างในเรื่องของหลักการทำงาน ประสิทธิภาพ และความเหมาะสมกับปัญหา นวัตกรรมแต่ละชนิดจึงมีจุดเด่นที่ต่างกัน ดังนี้

ULTRAFORMER III

ULTRAFORMER III ใช้เทคโนโลยี MMFU (Micro & Macro Focused Ultrasound) ซึ่งเป็นคลื่นอัลตราซาวนด์ความถี่สูง มีความเข้มข้นสูงและเฉพาะเจาะจง สามารถส่งพลังงานลงไปใต้ผิวได้ถึงชั้น SMAS จึงช่วยยกกระชับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำให้ผิวมีรอยแผล เจ็บน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับการยกกระชับผิวด้วยวิธีอื่น เห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และอยู่ได้นานถึง 6 เดือน โดยที่ราคาถูกกว่าการทำ Ulthera และ Thermage

Thermage

Thermage จะปล่อยคลื่น Monopolar RF ซึ่งเป็นวิทยุความถี่สูงลงไปใต้ชั้นผิวในลักษณะกระจายเป็นวงกว้าง หรือเป็นก้อนพลังงาน แต่จะลงลึกได้ถึงชั้นผิวหนังแท้และชั้นไขมันใต้ผิวหนังเท่านั้น ไม่ลึกถึงชั้น SMAS จึงเหมาะสำหรับใช้สลายไขมัน กระชับรูขุมขน หรือกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ให้ผิวเรียบเนียน ยืดหยุ่น ดูสุขภาพดี มากกว่าเรื่องยกกระชับ ส่วนใหญ่คนไข้จะรู้สึกเจ็บมากกว่าหัตถการอื่น ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิว ราคาใกล้เคียงกับ Ulthera

Ulthera

Ulthera ใช้คลื่นพลังงานที่มีความเฉพาะเจาะจง หรือ High Intensity Focus Ultrasound โดยจะยิงไปใต้ชั้นผิวเป็นจุดไข่ปลาเล็กๆ เรียงต่อกัน และยังมีหน้าจอที่สามารถดูระดับความลึกได้ด้วย จึงมีความแม่นยำสูง แก้ปัญหาได้ตรงจุด และให้พลังงานสูงกว่าเครื่อง ULTRAFORMER III ถึง 2 เท่า ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 1 ปี แต่ราคาก็สูงกว่าด้วย

Hifu

Hifu มีหลักการทำงานคล้ายกับ ULTRAFORMER III คือใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ที่มีความเฉพาะเจาะจง ลักษณะของพลังงานที่เป็นเหมือนจุดไข่ปลาจะมีขนาดเล็กมาก ประมาณ 0.3-0.5 มม. ทำให้เจ็บน้อย หากเปรียบเทียบกัน เครื่อง ULTRAFORMER III จะให้พลังงานที่เสถียร แม่นยำ และมีประสิทธิภาพดีกว่าถึง 5 เท่า ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน แต่มีข้อดีคือราคาถูก

สรุป

ULTRAFORMER III คือเทคโนโลยีที่ช่วยยกกระชับผิว โดยการส่งคลื่นอัลตราซาวนด์ที่มีความเข้มข้นสูงไปใต้ผิวหนัง ความร้อนจากพลังงานจะทำให้เนื้อเยื่อหดตัว คืนความกระชับให้ผิวที่หย่อนคล้อย ช่วยสลายไขมันส่วนเกิน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวแข็งแรง ยืดหยุ่น สุขภาพดี จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องริ้วรอย ร่องแก้มลึก คิ้วตก ตาตก ไขมันใต้คางเยอะ รวมถึงผู้ที่อายุยังไม่มาก ก็สามารถทำ ULTRAFORMER III  เพื่อฟื้นฟูผิว เพิ่มความกระชับของรูขุมขน และชะลอการเกิดริ้วรอยได้เช่นกัน 

 

ข้อดีคือใช้เวลาทำไม่นาน เจ็บน้อย ไม่มีแผล จึงช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ หลังทำเสร็จสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ข้อเสียคือผลลัพธ์จะอยู่ได้เพียงชั่วคราวประมาณ 6 เดือน – 1 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน หากมีการเตรียมตัวที่ดี รวมถึงดูแลตัวเองหลังทำ ทาครีมบำรุงและครีมกันแดดอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงความร้อน ไม่สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ ก็จะทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ULTRAFORMER III (FAQ)

นอกจากจะได้ความรู้เกี่ยวกับการยกกระชับผิวด้วย ULTRAFORMER III บทความนี้ยังได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ULTRAFORMER III มาตอบให้หายสงสัยกันด้วย

ULTRAFORMER III ทำร่วมกับหัตถการอื่นได้หรือไม่?

ULTRAFORMER III สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น เช่น ฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ ร้อยไหม เมโสแฟต ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ ซึ่งจะช่วยประเมินความจำเป็น ความปลอดภัย รวมถึงลำดับในการทำที่เหมาะสม อย่างเช่น บางคนร้อยไหม ทำเลเซอร์ ฉีดฟิลเลอร์ หรือโบท็อกซ์ มาก่อน ก็ต้องเว้นระยะก่อนทำ ULTRAFORMER III 

ทำ ULTRAFORMER III เจ็บไหม?

ก่อนทำ ULTRAFORMER III แพทย์จะทายาชาให้ก่อน เพื่อช่วยลดความเจ็บระหว่างทำ แต่อาจจะรู้สึกอุ่นๆ ที่ผิว และรู้สึกเหมือนมีเข็มเล็กๆ จิ้มเบาๆ หากถามว่าทำ ULTRAFORMER III แล้ว เจ็บไหม ก็ต้องตอบว่าเจ็บ แต่อยู่ในระดับที่ทนได้ ขึ้นอยู่กับความไวต่อความรู้สึกของแต่ละคนด้วย หลังทำอาจมีอาการปวดหรือตึงที่ผิวบ้างเป็นเรื่องปกติ หากไม่รู้สึกเลยอาจเป็นไปได้ว่าเครื่องที่ใช้เป็นเครื่องปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน

ULTRAFORMER III ควรทำกี่ช็อต?

จำนวนช็อตในการทำ ULTRAFORMER III ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องทำ และความรุนแรงของปัญหา เช่น หากทำเพื่อยกกระชับเฉพาะจุด บริเวณรอบดวงตา เหนียง หน้าผาก จะใช้แค่ประมาณ 100-300 ช็อต แต่หากต้องการยกกระชับทั่วใบหน้า หรือบริเวณแก้ม 2 ข้างที่มีไขมันเยอะ ต้องใช้ประมาณ 300-500 ช็อต ทั้งนี้ควรได้รับการประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะหากจำนวนช็อตน้อยเกินไป อาจทำให้ไม่เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้เท่าที่ควร

บทความโดย

นพ. พลเดช สุวรรณอาภา

ศัลยแพทย์ เฉพาะทางเสริมหน้าอก

บทความเกี่ยวข้อง