สำหรับสาวๆ หลายคน นอกจากความมั่นใจที่มาจากรูปร่างหน้าแล้ว ‘หน้าอก’ ยังเป็นส่วนหนึ่งที่จะเพิ่มความเชื่อมั่นในตนเอง ซึ่งหน้าอกของแต่ละคนก็แตกต่างกัน ทั้งขนาดและความห่าง ทำให้บางครั้งการที่มีหน้าอกขนาดเล็กหรือห่างกันจนเกินไป ก็อาจลดความมั่นใจของสาวๆ ได้ค่อนข้างมาก และการแก้ไขปัญหาดังกล่าวก็สามารถดูแลหน้าอกเบื้องต้นง่ายๆ ด้วยตนเองในวิธีการต่างๆ เช่น การบำรุงด้วยครีม การสวมใส่เสื้อชั้นในมีโครง ท่าทางการนอนที่ถูกต้อง ไปจนถึงการปรับเปลี่ยนบุคลิกภาพของตนเอง เป็นต้น หรือสำหรับคนพอมีเงินทุน และต้องการแก้ไข หรือเสริมหน้าอกโดยไม่ใส่ซิลิโคน การทำศัลยกรรมเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง คืออะไร?
เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง เป็นหนึ่งในการศัลยกรรมหน้าอกให้มีขนาดที่คนไข้ต้องการ โดยที่ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดแต่มีการเสริมขนาดหน้าอกด้วยการใช้ไขมันส่วนเกินของร่างกายมาฉีดเข้าไปยังหน้าอก เช่น ไขมันจากหน้าท้อง หรือต้นขา ตั้งแต่ 10-20 ซีซีเป็นต้นไป เผื่อให้หน้าอกเต่งตึง ดูนุ่มนวล และเป็นธรรมชาติ เพราะเป็นการศัลยกรรมที่นำเซลล์ไขมันจากบริเวณที่ไม่ต้องการย้ายไปยังบริเวณส่วนหน้าอก ด้วยหลักการที่จะทำให้เซลล์ส่วนนี้มีคุณภาพดี ไม่เสื่อมสลาย หรือถูกร่างกายดูดซึม
ใครเหมาะกับการเสริมหน้าอกด้วยไขมัน?
การทำศัลยกรรมหน้าอกแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ การเสริมหน้าอกด้วยเต้านมเทียม (Breast Implant Augmentation) และการเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง (Fat Transfer Augmentation) ซึ่งวิธีการที่แตกต่างกันก็เหมาะกับคนที่แตกต่างกัน และสำหรับการฉีดไขมันเสริมอกก็เหมาะกับผู้ที่มีคุณสมบัติ ดังนี้
- คนที่มีไขมันสะสมในร่างกายมากเกินไป ทั้งบริเวณท้อง แขน ขา และเอว
- คนที่มีขนาดตัวใหญ่ แต่มีขนาดหน้าอกเล็ก
- คนที่ไม่มีเนินหน้าอก
- คนที่ต้องการมีหน้าอกที่ดูเป็นธรรมชาติ
- คนที่มีหน้าอกหย่อนคล้อยหลังคลอดบุตร
- คนที่ได้รับผลกระทบจากโรคที่เกี่ยวข้อง
- คนที่มีขนาดหน้าอกไม่เท่ากัน
- คนที่กังวลผลข้างเคียงของซิลิโคน
- คนที่ต้องการเสริมหน้าอก แต่ไม่อยากศัลยกรรมด้วยซิลิโคน
- คนที่คำนึงถึงเรื่องอาการแพ้ ความปลอดภัย
- คนที่ต้องการนำซิลิโคนออก แต่อยากมีหน้าอกเต่งตึงอยู่
เตรียมตัวอย่างไรก่อนเสริมหน้าอกด้วยไขมัน
การเสริมหน้าอกด้วยไขมัน เป็นหนึ่งในการผ่าตัดเช่นเดียวกับการศัลยกรรมแบบอื่นๆ ทำให้คนไข้ต้องมีการเตรียมตัวก่อนวันผ่าตัด ได้แก่
- แจ้งประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว และประวัติการผ่าตัด
- งดรับประทานยาละลายลิ่มเลือด วิตามิน และสมุนไพรบางชนิดก่อนการผ่าตัด 2 สัปดาห์
- งดผ่าตัดถ้าหากมีไข่หรือไม่สบาย
- งดสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย2 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
- ไม่ใช้เครื่องสำอางที่เช็ดออกได้ยากในวันศัลยกรรมเสริมหน้าอกด้วยไขมัน
- อาบน้ำ สระผม และทำความสะอาดร่างกายให้เรียบร้อย
- งดน้ำและอาหารก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
- ล้างเครื่องสำอางและเล็บให้สะอาด
- ปฏิบัติตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
ส่องวิธีเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง
เมื่อที่ได้รู้ถึงวิธีการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการเสริมหน้าอกด้วยไขมัน คุณก็ควรศึกษาถึงขั้นตอนในการศัลยกรรมเสริมหน้าอกดังนี้
ดูดไขมันเพื่อนำมาฉีดเสริม
ขั้นตอนแรกในการผ่าตัดคือ แพทย์จะทำการดูดเก็บไขมันจากร่างกายบริเวณต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นท้อง แขน ขา และเอว เพราะนอกจากจะได้ไขมันในปริมาณที่ค่อนข้างมากแล้ว ยังเป็นบริเวณที่คนไข้ไม่จำเป็นต้องพลิกหรือขยับร่างกายขณะผ่าตัด โดยเริ่มจากการฉีดสารละลายผสมยาชา เพื่อให้การดูดไขมันมีความง่ายดาย ลดการเสียเลือด และลดความเจ็บปวดในการผ่าตัด
หลังจากนั้นแพทย์จะทำการเปิดแผลขนาด 2-3 มิลลิเมตร ใช้เครื่องดูดไขมัน ในการนำเซลล์ไขมันออกมา หลังจากนำไขมันออกมาในปริมาณที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว แพทย์ก็จะทำการปิดแปลด้วยไหมละลายพร้อมทั้งกดปิดแผลเพื่อลดอาการบวม
คัดแยกเซลล์ไขมัน
เนื่องจากไขมันที่ถูกดูดออกมาจะมีทั้งเซลล์ส่วนที่ยังมีชีวิตอยู่ และเซลล์ส่วนที่ตายไปแล้ว ทำให้เมื่อแพทย์ได้นำไขมันออกมาจากร่างกายเรียบร้อยแล้ว ก็จะนำเซลล์ไขมันส่วนดังกล่าวมาคัดแยก เพื่อให้เหลือเซลล์ที่มีคุณภาพมากที่สุด และนำไขมันดังกล่าวไปเข้ากระบวนการปั่นเซลล์ไขมัน เพื่อให้ได้ไขมันที่มีเซลล์ขนาดที่ต้องการ เพราะการฉีดไขมันส่วนต่างๆ ก็จำเป็นต้องใช้ขนาดเซลล์ไขมันที่แตกต่างกันนั่นเอง
ฉีดไขมันเสริมอก
ในขั้นตอนของการฉีดไขมันเสริมอกแพทย์จะทำการวางเซลล์ไขมันในขนาดที่เหมาะสมสำหรับแต่ละจุด เพื่อให้มีการแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งโดยปกติแล้วไขมันที่ฉีดเข้าไปในตัวของคนไข้จะมีการสลายจนเหลือเพียง 50-70% แพทย์จึงจะมีการฉีดให้มากกว่าเล็กน้อยเพื่อให้ได้ขนาดที่เหมาะสมหลังจากการสลาย รวมไปถึงตำแหน่งที่ฉีดก็จะหลีกเลี่ยงบริเวณที่รบกวนการตรวจ แมมโมแกรมและอัลตราซาวด์ อีกทั้งยังฉีดกระจายทั่วหน้าอกเพื่อป้องกันการจับตัวเป็นถุงไขมัน หรือแข็งตายจับตัวเป็นหินปูน
หลังจากนั้นแพทย์ก็จะทำการเย็บปิดแผล และปิดด้วยผ้าพันแผลโดยที่ไม่รัดแน่น
ดูแลตัวเองอย่างไร หลังเสริมหน้าอกด้วยไขมัน?
หลังจากทำการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเองแล้ว คนไข้ต้องมีการดูแลรักษาตัวเองเป็นพิเศษในระยะเวลา 1 เดือนแรก เพราะการสลายไปของไขมันที่ฉีดก็จะขึ้นอยู่กับการรักษาตัวหลังการผ่าตัดด้วยเช่นกัน โดยแบ่งเป็น 11 ข้อ ดังนี้
- ใน 1-3 วันแรกให้ใช้ซิลิโคนแปะหัวนมแทนการใช้บรา
- ไม่ใส่ชุดชั้นในหรือเสื้อที่มีการรัดบริเวณหน้าอก
- ทำความสะอาดแผลทุกวัน จนตัดไหม
- งดบีบ จับ หรือกระแทกหน้าอก
- นอนหงาย หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำและตะแคง
- งดแผลโดนน้ำก่อนการตัดไหม
- สามารถอาบน้ำ ทาครีมได้ปกติหลังการตัดไหม
- งดอาหารที่หมัก ดอง ไม่สุก อาหารแสลง หรืออาหารทะเล
- ห้ามลดน้ำหนักและออกกำลังกาย
- ห้ามสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อลดโอกาสในการติดของไขมัน
- ไม่ควรให้หน้าอกอยู่ในบริเวณที่ร้อนหรือเย็นจัด
เปิดข้อดี-ข้อเสียที่ควรรู้! ของการเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง
ก่อนตัดสินใจฉีดหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง คุณควรศึกษาถึงข้อดีและข้อเสียเพื่อพิจารณาถึงวิธีการที่เหมาะสมมากที่สุด โดยมีรายละเอียดต่างๆ ได้ดังนี้
ข้อดี
- หน้าอกมีความเป็นธรรมชาติ
- ไม่ต้องกังวลเรื่องพังผืด ปลอดภัย
- ไม่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย
- ลดส่วนเกินของร่างกายไปพร้อมๆ กับการเพิ่มขนาดหน้าอก
- ช่วยแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับหน้าอกได้หลากหลาย ทั้งการหย่อนคล้องและความห่าง
- แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กกว่ามากเมื่อเปรียบเทียบกับการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน
- ใช้เวลาพักฟื้นน้อย เสียเลือดน้อย
- ไม่บวมหรือเจ็บช้ำมากเท่าไรนัก เพราะไม่มีเลือดตกค้างในหน้าอก
- เมื่อไขมันติดอย่างสมบูรณ์แล้วจะกลายเป็นหน้าอกโดยธรรมชาติ
ข้อเสีย
- ไม่สามารถเปลี่ยนขนาดหน้าอกให้ใหญ่ขึ้นได้เยอะ
- ปริมาณที่สามารถทำได้ขึ้นอยู่กับฐานหน้าอกของแต่ละบุคคล
- ขนาดของหน้าอกสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามน้ำหนักตัว
- ไขมันสามารถยุบตัวลงได้ 10-30% หลังการผ่าตัด
- ไขมันที่ดูดออกมาจะต้องเก็บในระบบปิดและคัดกรองก่อนนำไปฉีดเข้าสู่ร่างกาย
การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง คือการศัลยกรรมเพิ่มขนาดหน้าอกด้วยการดูดไขมันบริเวณส่วนเกินของร่างกาย นำไปคัดแยก ปั่น และฉีดเข้าสู่บริเวณหน้าอก เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเพิ่มความมั่นใจของสาวๆ โดยวิธีการเสริมหน้าอกดังกล่าวเหมาะกับผู้ที่มีไขมันส่วนเกินในร่างกายและต้องการเพิ่มขนาดหน้าอก รวมไปถึงคนที่ไม่ต้องการเสริมหน้าอกด้วยการใช้ซิลิโคน ซึ่งคนไข้จะได้หน้าอกที่มีความเป็นธรรมชาติ ปลอดภัย พักฟื้นน้อย ไม่เจ็บช้ำมากเท่าการเสริมด้วยซิลิโคน แต่คนไข้ก็ควรพิจารณาถึงขนาดหน้าอกที่อาจไม่คงที่เมื่อน้ำหนักตัวเปลี่ยนไป อีกทั้งการฉีดไขมันเสริมอกก็ไม่สามารถทำในขนาดที่ใหญ่ได้มากเท่าไรนัก เพราะขึ้นอยู่กับฐานหน้าอกของคนไข้ ดังนั้นถ้าหากคุณต้องการศัลยกรรมหน้าอกด้วยวิธีใดๆ ก็ควรค้นคว้าก่อนตัดสินใจ รวมไปถึงการศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่น่าไว้ใจอีกด้วย