เนื้อหาที่น่าสนใจ
การให้วิตามินผ่านเส้นเลือด หรือ IV Drip
วิถีชีวิตที่เร่งรีบของคนในปัจจุบัน ความเคร่งเครียดจากการใช้ชีวิต รวมทั้งการที่ต้องเผชิญกับมลภาวะและสารเคมีอยู่ตลอดเวลา อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในหลายด้าน ทำให้ร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยได้ง่าย แม้ว่าในบางครั้งจะบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าร่างกายไม่สดชื่นแข็งแรงเท่าที่ควร นั่นอาจเป็นเพราะว่าร่างกายได้รับวิตามินและแร่ธาตุไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้ระบบต่างๆ ภายในร่างกายทำงานได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพและไม่เป็นปกติ
การเสริมวิตามินและแร่ธาตุในรูปแบบต่างๆ จึงเข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว IV Drip เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเสริมวิตามินและสารอาหารที่จำเป็นแก่ร่างกายแนวใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่เซเลป ดารา คนดัง รวมทั้งยังมีแนวโน้มได้รับความสนใจจากกลุ่มคนรักสุขภาพอีกด้วย บทความนี้จะพาไปรู้จักว่า IV Drip คืออะไร เหมาะกับใคร และมีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง
IV Drip คืออะไร
IV Drip ย่อมาจาก Intravenous Vitamin Therapy หรือ เรียกว่า การดริปวิตามิน คือ การให้วิตามิน หรือสารอาหารที่มีประโยชน์ในรูปแบบของสารน้ำผ่านทางหลอดเลือดดำเข้าสู่ร่างกาย โดยใช้วิธีการเปิดเส้นเลือดแล้วเชื่อมสายกับถุงน้ำเกลือที่บรรจุวิตามิน คล้ายกับการให้น้ำเกลือ วิตามินจะค่อยๆ ไหลเข้าสู่กระแสเลือดอย่างช้าๆ แล้วถูกดูดซึมและนำไปใช้งานได้ในทันที จากนั้นจะถูกขับออกจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะหรือเหงื่อ โดยไม่เหลือสารเคมีตกค้าง
การทำ IV Drip จึงมีความปลอดภัย เห็นผลอย่างรวดเร็ว มีขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยากจึงใช้เวลาในการทำไม่นาน และพบโอกาสในการเกิดผลข้างเคียงน้อย ทั้งนี้ควรเลือกทำกับแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ และใช้ตัวยาที่มีมาตรฐานและผ่านการรับรอง
IV Drip ต่างจากการกินวิตามินอย่างไร
เราสามารถเสริมวิตามินได้จากหลายวิธีไม่ว่าจะเป็นการกินวิตามินเสริม การอมใต้ลิ้น การทาครีมทาผิว การทำ IV Drip ซึ่งแต่ละวิธีก็จะมีความแตกต่างกัน การทำ IV Drip ต่างจากการเสริมวิตามินด้วยการกิน โดย IV Drip จะเป็นการส่งผ่านวิตามินเข้าสู่ร่างกายผ่านทางหลอดเหลือด ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินได้ 100 % จึงได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่และดูดซึมนำไปใช้งานได้ทันที ช่วยฟื้นฟูส่วนต่างๆ ได้ถึงระดับชั้นเซลล์ โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อยอาหารและดูดซึมเหมือนกับการกินวิตามิน ซึ่งร่างกายจะดูดซึมไปใช้ได้ประมาณ 10–30 % เท่านั้น การกินวิตามินจึงใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล ต้องกินทุกวันอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งบางทีชนิดของวิตามินที่กินอาจไม่ตรงกับผลลัพธ์ที่ต้องการ และได้รับในปริมาณที่ไม่เพียงพอ
ทำไมต้องทำ IV Drip
IV Drip ช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ ดังนี้
- ผิวพรรณหมองคล้ำไม่สดใส
- ผิวขาดความชุ่มชื้นแห้งกร้าน
- ผิวมีริ้วรอย ดูแก่กว่าวัย
- ผิวเสียจากการโดนทำร้ายจากสภาวะต่างๆ เช่น แสงแดด ความเย็นจัด ฝุ่นละออง
- ร่างกายอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า ไม่สดชื่น กระปรี้กระเปร่า แม้จะพักผ่อนอย่างเพียงพอแล้วก็ตาม
- ภาวะภูมิแพ้เรื้อรัง
- ปัญหาสุขภาพการนอน นอนไม่หลับ นอนหลับไม่สนิท
- สมองล้า จากการทำงานหนัก
- มีน้ำหนักเกินมาตรฐานและไขมันส่วนเกิน
ขั้นตอนการทำ IV Drip หรือดริปวิตามิน
การทำ IV Drip มีขั้นตอนการทำ ดังนี้
- เข้ารับการปรึกษาแพทย์เรื่องปัญหาสุขภาพที่กังวล ประวัติการเจ็บป่วย ประวัติการแพ้ ข้อมูลสุขภาพในภาพรวม ลักษณะการใช้ชีวิตประจำวัน เป็นต้น เพื่อรับคำแนะนำ และให้แพทย์ประเมินสูตรวิตามินดริปที่เหมาะสมกับอาการและความต้องการ
- แพทย์ทำการตรวจร่างกายและซักประวัติเบื้องต้น เช่น วัดความดันโลหิต วัดน้ำหนักและส่วนสูง ตรวจชีพจร อุณหภูมิร่างกาย ประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว เป็นต้น
- แพทย์เตรียมผสมสูตรวิตามินที่เหมาะสม และทำการเปิดเส้นเลือดจากนั้นต่อสายน้ำเกลือเข้าเส้นเลือด และค่อยๆ ปล่อยตัวยาเข้าสู่กระแสเลือด ใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที ในระหว่างรอสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ เช่น การอ่านหนังสือ เล่นโทรศัพท์ ฟังเพลง เป็นต้น
- เมื่อยาหมด พยาบาลจะถอดเอาสายน้ำเกลือออก เช็ดทำความสะอาด จากนั้นกลับบ้านได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องพักฟื้น และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
ใครที่เหมาะกับ IV Drip บ้าง
ใครบ้างที่เหมาะจะทำ IV Drip
- ผู้ที่มีปัญหาภูมิแพ้เรื้อรัง เช่น คัดจมูกและไอจามบ่อยๆ
- ผู้ที่ร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยง่าย เป็นหวัดง่าย
- ผู้ที่มักมีปัญหาผื่นคันตามผิวหนัง
- ผู้ที่รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่กระปรี้กระเปร่า ไม่สดชื่น
- ผู้ที่มีผิวคล้ำเสียและถูกทำลายจากการโดนแสงแดดจัดเป็นเวลานาน
- ผู้ที่มีผิวพรรณไม่สดใส หมองคล้ำ เนื่องจากพักผ่อนไม่เพียงพอ
- ผู้ที่ต้องการปรับให้ผิวกระจ่างใส ดูมีสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น
- ผู้ที่ผิวพรรณแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น
- ผู้ที่กำลังลดน้ำหนักและไขมันส่วนเกิน
- บุคคลทั่วไปที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป และไม่มีโรคประจำตัว
- ผู้ที่ต้องทำงานหนักอย่างต่อเนื่อง ใช้สมองมาก ออกกำลังกายหนัก และไม่มีเวลาพักผ่อน
- ผู้ที่ไม่ชอบกินวิตามิน หรือ ไม่สามารถกินวิตามินอย่างสม่ำเสมอได้
- ผู้ที่รับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ มีภาวะขาดสารอาหาร
ใครที่ไม่เหมาะกับ IV Drip บ้าง
แม้ว่าการทำ IV Drip จะมีความปลอดภัยหากทำโดยแพทย์เฉพาะทาง แต่ก็มีผู้ที่ไม่ควรเข้ารับการทำ IV Drip หรือหากต้องการทำ ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ก่อน ได้แก่
- ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน
- ผู้ที่เคยมีประวัติการแพ้ยา หรือวิตามัน
- ผู้ที่กำลังกินยาต้านเกล็ดเลือด
- ผู้ที่มีภาวะไตวายเรื้อรัง
- ผู้ที่เป็นโรคตับชนิดต่างๆ
- ผู้ที่เป็นโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง
- ผู้ป่วยที่มีภาวะวิตามิน หรือแร่ธาตุเกิน
- ผู้ที่เป็นโรค G6PD
- ผู้ที่มีประวัติการแพ้วิตามินและแร่ธาตุ
ข้อดีของการทำ IV Drip
การทำ IV Drip มีข้อดี ดังนี้
- ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินได้อย่างรวดเร็วและนำไปใช้งานได้ทันที
- เป็นการทำงานในระดับเซลล์ ฟื้นฟูจากภายในสู่ภายนอก
- ช่วยให้ผิวพรรณมีความชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน กระจ่างใส ดูมีสุขภาพดี
- ทำให้ผิวดูกระชับขึ้น ริ้วรอยตื้นขึ้น จึงแลดูอ่อนเยาว์
- ช่วยบรรเทาอาการเหนื่อยล้าและคลายความเครียดจากการดำเนินชีวิต รวมทั้งการออกกำลังกายอย่างหนัก ทำให้ร่างกายสดชื่น มีกำลัง มีชีวิตชีวา กระปรี้กระเปร่า ยังช่วยแก้อาการเมาค้างได้อีกด้วย
- ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น
- ช่วยต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ
- ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวจากการถูกทำร้ายจากสภาวะต่างๆ เช่น ความร้อน ความเย็น
- ไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงกับระบบทางเดินอาหารเหมือนกับการกินวิตามิน
- ช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมัน จึงเหมาะกับคนที่กำลังลดน้ำหนัก
- ช่วยเพิ่มพละกำลังให้แก่นักกีฬา หรือผู้ที่ออกกำลังกายหนัก
- ช่วยในการขับสารพิษออกจากร่างกาย
ทำ IV Drip ที่ Jarem ดีกว่าอย่างไร
ทำ IV Drip ที่ JAREM ดีกว่าตรงที่
- ให้บริการโดยแพทย์เฉพาะทางและพยาบาลวิชาชีพที่มีความชำนาญ และมีประสบการณ์การทำ IV drip มามากว่า 100 เคส
- ใช้วิตามินที่มีคุณภาพ มีมาตรฐาน ได้รับการรับรอง
- สูตรวิตามินเฉพาะที่คิดค้นโดยแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะทาง จึงกำหนดปริมาณและความเข้มข้นได้อย่างเหมาะสม แก้ปัญหาได้อย่างตรงเป้าหมาย
- แพทย์ใส่ใจในการซักประวัติ ตรวจร่างกายอย่างละเอียด รวมทั้งการทำ IV Drip ในทุกขั้นตอน เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้เข้ารับบริการ
- มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิดระหว่างและหลังการเข้ารับการรักษา
- มีการตรวจสอบหลังการรักษาเพื่อดูประสิทธิภาพของการให้วิตามินในแต่ละครั้ง และประเมินปริมาณวิตามินที่ต้องใช้ในครั้งต่อไปให้เหมาะสม
- สถานที่ให้บริการได้มาตรฐานโรงพยาบาล
- ใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ มีมาตรฐาน
สรุป
IV Drip คือ การให้วิตามิน หรือสารอาหารที่มีประโยชน์ ผ่านทางหลอดเลือดดำ เข้าสู่ร่างกาย โดยใช้วิธีการเปิดเส้นเลือดแล้วเชื่อยมสายกับถุงน้ำเกลือที่บรรจุวิตามิน คล้ายกับการให้น้ำเกลือ วิตามินจะค่อยๆ ไหลเข้าสู่กระแสเลือดอย่างช้าๆ การให้วิตามินวิธีนี้ร่างกายจะดูดซึมวิตามินได้ 100% และนำไปใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านระบบย่อยอาหารและดูดซึมก่อนเหมือนกับการกินวิตามิน จึงเห็นผลได้รวดเร็วกว่า ใช้เวลาในการทำไม่นาน การทำ IV Drip นั้นมีข้อดีมากมาย เช่น ช่วยให้ผิวพรรณมีความชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน กระจ่างใส ดูมีสุขภาพดี แลดูอ่อนกว่าวัย ช่วยบรรเทาอาการเหนื่อยล้า ผ่อนคลายความเครียด ทำให้สดชื่น กระปรี้กระเปร่า เหมาะกับคนที่เหนื่อยล้าจากการทำงาน ผิวเสียจากการโดนทำร้ายจากมลภาวะต่างๆ ต้องการเพิ่มความกระจ่างใส ให้ผิวดูมีสุขภาพดี รวมทั้งคนที่มีอาการภูมิแพ้ แม้ว่าการทำ IV Drip จะมีความปลอดภัยแต่ก็มีบางคนที่ไม่ควรทำ เช่น ผู้หญิงตั้งครรภ์ คนที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคหัวใจ โรคเกี่ยวกับตับและไต โรคหัวใจ เป็นต้น หากต้องการทำ ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เพื่อประเมินอาการก่อน
เพื่อความปลอดภัย ลดอาการแทรกซ้อน และผลลัพธ์ที่เห็นชัดเจน ผู้ที่ต้องการทำ IV Drip ควรเข้ารับบริการจากคลินิกที่มีมาตรฐาน และได้รับการรับรอง มีแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ในการทำ IV Drip ซึ่งที่ Jarem Clinic มีบริการเฉพาะสำหรับ IV Drip เพื่อให้คนที่ต้องการทำ IV Drip ได้เติมวิตามินที่มีคุณภาพ ทำหัตถการโดยแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ทำ IV Drip อย่างยาวนาน สามารถประเมินและเตรียมสูตรวิตามินที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละคนได้อย่างตรงจุด จึงสามารถแก้ไขปัญหาและเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน นอกจากนั้นยังมั่นใจได้ว่า Jarem Clinic เลือกใช้เฉพาะตัวยาคุณภาพที่มีมาตรฐาน ผ่านการรับรอง เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้ารับบริการและผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดตรงกับความต้องการ
คำถามเกี่ยวกับ IV Drip (FAQ)
สำหรับผู้ที่ต้องการทำ IV Drip อาจจะยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำ JAREM ได้รวบรวมเอาคำถามที่พบได้บ่อยมาตอบข้อสงสัยเพื่อนำไปประกอบการจัดสินใจ ดังนี้
ดริปวิตามิน IV Drip กี่ครั้งเห็นผล
สามารถเข้ารับ วิตามินได้บ่อย โดยแนะนำเป็นสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ปกติแล้วจะรู้สึกสดชื่นขึ้นหลังจากการทำทันที และจะเห็นผลชัดเจนเมื่อได้รับอย่างต่อเนื่อง 3-5 ครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของวิตามินที่ได้รับในแต่ละครั้งและร่างกายของคนไข้เองด้วย
IV Drip ต้องใช้วิตามินตัวไหน
วิตามินแต่ละชนิดจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน จะใช้วิตามินตัวไหนนั้น จึงขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ที่คนไข้ต้องการ โดยแพทย์จะประเมินจากการซักประวัติ ตรวจสอบร่างกาย และสอบถามความต้องการ เพื่อผสมสูตรวิตามินที่ให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ
IV Drip อันตรายไหม
การทำ IV Drip หากทำโดยแพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ ใช้ตัวยาและเครื่องมือแพทย์ที่มีมาตรฐานและได้รับการรับรอง คลินิกสะอาด มั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัย