“Gynecomastia” หรือ ภาวะเต้านมโตในเพศชาย คือ ภาวะความผิดปกติ ที่ผู้ชายมีเต้านมขนาดใหญ่กว่าปกติ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับผู้ชายทุกวัย แม้ภาวะผู้ชายมีนมจะไม่ได้ส่งผลร้ายแรงกับร่างกายมากเท่าไหร่นัก แต่อาจทำให้ผู้ชายหลายคนเกิดความวิตกกังวล อับอาย และไม่มั่นใจ จนสามารถส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน หรืออาจร้ายแรงถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้าตามมาได้
ในบทความนี้ จะพาทุกคนมารู้จักกับ ภาวะ “Gynecomastia” หรือภาวะผู้ชายมีนม ว่าแท้จริงแล้วมีสาเหตุมาจากอะไร และมีแนวทางการรักษาอย่างไรบ้าง
ทำความรู้จัก! Gynecomastia ภาวะเต้านมโตในเพศชาย คืออะไร และมีอาการบ่งชี้อะไรบ้าง
ภาวะเต้านมโตในเพศชาย (Gynecomastia) คือ ภาวะที่มีเต้านมของผู้ชายขยายใหญ่จนเหมือนกับเต้านมในเพศหญิง ซึ่งอาจเกิดขึ้นกับเต้านมเพียงข้างเดียวหรือทั้ง 2 ข้างก็ได้ โดยเป็นภาวะที่สามารถเกิดขึ้นได้กับเพศชายในช่วงวัยเด็กไปจนถึงวัยสูงอายุ ส่วนใหญ่มักพบได้ในกลุ่มเด็ก วัยรุ่น และผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์
แม้ภาวะผู้ชายมีนมจะมีอาการบ่งชี้ที่ดูไม่รุนแรง แต่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตได้ หากไม่ได้รับการแก้ไขที่ถูกต้อง โดยอาการของภาวะเต้านมโตในเพศชาย มีดังนี้
อาการทางกายที่เกิดขึ้นได้ ไม่ส่งผลกระทบร้ายแรง
- อาการทั่วไป มีอาการเจ็บเต้านม และเต้านมมีอาการบวม รวมถึง เต้านมและหัวนมไวต่อความรู้สึก
- อาการที่ควรไปพบแพทย์ เต้านมมีอาการเจ็บและบวมมากจนกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน และหัวนมเปลี่ยนตำแหน่ง รวมถึง มีความรู้สึกกังวล ไม่มั่นใจ เก็บตัว หรือมีอาการบ่งชี้ว่าเป็นโรคซึมเศร้า และปัญหาสุขภาพจิตอื่นๆ ตามมา
Gynecomastia หรือผู้ชายมีนมเกิดจากอะไร
ผู้ที่มีความผิดปกติทางร่างกาย
ผู้ชายมีนมอาจมีสาเหตุมาจากความผิดปกติทางร่างกาย โดยสามารถเป็นความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด หรืออาจเกิดขึ้นในช่วงที่ร่างกายเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงวัย เช่น
- ฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล ในกรณีของภาวะเต้านมโตในเพศชาย หรือ “Gynecomastia” เกิดจากฮอร์โมนเพศหญิง (ฮอร์โมนเอสโตรเจน) และฮอร์โมนเพศชาย (ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน) ขาดความสมดุลกัน โดยปกติภายในร่างกายของทุกคนจะมีฮอร์โมนทั้งสองชนิด แต่จะมีฮอร์โมนเพศตรงข้ามในปริมาณที่น้อยกว่า ดังนั้น เมื่อร่างกายของผู้ชายมีการผลิตฮอร์โมนเพศหญิงมากกว่า จึงส่งผลให้เต้านมขยายใหญ่ขึ้น
- อายุ การเปลี่ยนแปลงแต่ละช่วงวัย สามารถทำให้ฮอร์โมนเอสโตรเจน และฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ภายในร่างกายของเพศชายขาดความสมดุลได้ โดยในวัยแรกเกิดมักได้รับปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนในช่วงที่อยู่ภายในครรภ์มารดา วัยแตกหนุ่มเป็นช่วงที่ร่างกายและฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลงมาก ส่วนในกลุ่มที่มีอายุมาก และมีน้ำหนักเกินเกณฑ์ จะเกิดจากเซลล์ไขมันในร่างกายเพิ่มมาก ซึ่งส่งผลให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
- ความผิดปกติของโครโมโซม ผู้ชายมีนมบางเคสอาจเกิดจากความผิดปกติของโครโมโซมตั้งแต่กำเนิด เช่น มีลักษณะลูกอัณฑะเล็ก และพัฒนาการช้า ยิ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเต้านมโตในเพศชาย ได้มากกว่าคนทั่วไป
ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรืออาการต่างๆ
ผู้ชายมีนมบางเคสก็มีสาเหตุมาจากโรคประจำตัว หรือเป็นอาการของโรคบางชนิด ที่ส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้เกิดเป็นภาวะเต้านมโตในเพศชาย ได้แก่
- ภาวะไฮโปโกนาดิซึม (Hypogonadism) สภาวะที่ต่อมใต้สมองผลิตฮอร์โมนเพศชายออกมาไม่เพียงพอ
- มีเนื้องอกบางชนิด ที่เกิดขึ้นบริเวณอวัยวะสำคัญต่อการผลิตฮอร์โมนเพศ เช่น ต่อมใต้สมอง อัณฑะ หรือต่อมหมวกไต
- ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ มีการหลั่งฮอร์โมนออกมาผิดปกติมากเกินความจำเป็น
- โรคไต เพราะการล้างไตส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนในร่างกายได้
- โรคตับ การใช้ยาที่เกี่ยวกับการรักษาโรคตับ ส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนเพศ ทำให้เกิดภาวะเต้านมโตในเพศชายได้
- โรคขาดสารอาหาร การขาดสารอาหารสำคัญบางตัวส่งผลให้ฮอร์โมนเพศชายลดลง แต่ฮอร์โมนเพศหญิงยังหลั่งในปริมาณเท่าเดิม จนเกิดความไม่สมดุลได้
ผู้ที่ทานยารักษาบางชนิด
สาเหตุที่ทำให้ผู้ชายมีนม เกิดจากการทานยารักษาโรคบางชนิด โดยส่วนใหญ่เป็นยาที่ส่งผลกระทบต่อความสมดุลของฮอร์โมนเพศ เช่น
- ยาปฏิชีวนะ
- ยารักษาต่อมลูกหมากโต
- ยารักษาภาวะขาดฮอร์โมน
- ยารักษาโรคเอดส์ HIV
- ยาต้านซึมเศร้า
- ยาคลายกังวล
- ยารักษาโรคสมาธิสั้น
- ยารักษาโรคหัวใจ
- ยารักษาโรคกระเพาะอาหาร
ผู้ที่ได้รับสารผิดปกติบางชนิด
อีกสาเหตุที่ทำให้ผู้ชายมีนม คือ การได้รับสารเคมีบางตัว การใช้สารเสพติด รวมไปถึง สมุนไพรบางชนิด
ที่ส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนเพศในร่างกาย เช่น
- แอลกอฮอล์ ในเครื่องดื่มต่างๆ เช่น ไวน์ เบียร์ สุรา
- สารสเตียรอยด์สำหรับสร้างกล้ามเนื้อ ที่นิยมใช้ในวงการกีฬา เพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อ
- ยาเสพติดต่างๆ เช่น ยาบ้า เฮโรอีน แอมเฟตามีน รวมไปถึงกัญชา
- สารเมทาโดน ในยาระงับความเจ็บปวด
- สมุนไพรบางชนิด เช่น น้ำมันจากพืช และน้ำมันลาเวนเดอร์ โดยมักอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ยาสระผม ครีมนวดผม ครีมอาบน้ำ โลชั่น
Gynecomastia อันตรายหรือไม่ สามารถรักษาได้ไหม
ภาวะ Gynecomastia หรือภาวะที่ทำให้ผู้ชายมีนม โดยปกติแล้วจะสามารถหายไปได้เองตามธรรมชาติ ซึ่งอาจใช้เวลาตั้งแต่ 6 เดือนจนถึง 3 ปี ถึงแม้ว่าอาการของภาวะเต้านมโตในเพศชายส่วนใหญ่ไม่อันตราย และไม่รุนแรง แต่หากได้รับการรักษาที่เร็วและทันท่วงที ก็จะช่วยให้ภาวะดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันได้
โดยแพทย์จะมีการวินิจฉัยว่าปัญหาภาวะเต้านมโตในเพศชายอยู่ในระดับไหน และส่วนประกอบในเต้านมที่โตขึ้นนั้นมีส่วนประกอบใดบ้าง ระหว่างเนื้อเยื่อเต้านมและไขมัน เพื่อวางแผนและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับคนไข้มากที่สุด โดยในปัจจุบันวิธีรักษาภาวะเต้านมโตในเพศชายสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 วิธี ดังนี้
การรักษาด้วยยา
วิธีแรกในการรักษาภาวะเต้านมโตในเพศชาย (Gynecomastia) คือ การรับประทานยา โดยมักใช้เป็นวิธีการรักษาสำหรับคนที่ยังไม่เคยรักษาภาวะนี้มาก่อน โดยตัวยาที่ใช้จะไม่ใช่ยาลดขนาดเต้านมโดยเฉพาะ แต่จะเป็นการใช้ตัวยาที่ส่งผลกับระดับฮอร์โมน เพื่อปรับฮอร์โมนเพศให้สมดุลนั่นเอง ซึ่งตัวยาหลักๆ ที่แพทย์นิยมใช้ ได้แก่
- ฮอร์โมนทดแทน เพื่อเติมฮอร์โมนเพศชาย หรือฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน เข้าไปให้ฮอร์โมนเพศสมดุลกัน
- กลุ่มยาเซิร์ม ใช้สำหรับช่วยลดอาการเจ็บปวดเต้านมรุนแรง และช่วยลดขนาดเต้านมได้ โดยไม่ควรใช้ติดต่อกันเกิน 6 เดือน
- ยาดานาซอล เป็นการใช้ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนสังเคราะห์เข้าไปในร่างกาย เพื่อให้เข้าไปลดระดับฮอร์โมนเอสโตเจนลง
การรักษาด้วยการผ่าตัด
การรักษาภาวะเต้านมโตในเพศชายด้วยการผ่าตัด จะใช้วิธีการผ่าตัดแก้ไขหน้าอก สำหรับผู้ชายมีนมที่เคยรักษาด้วยการกินยามาก่อน แต่ไม่ได้ผล หรือคนที่มีอาการเจ็บหรือปวดเต้านมอย่างรุนแรง และต้องรีบทำการรักษาโดยด่วน โดยการผ่าตัดแก้ไขหน้าอก จะแบ่งได้เป็น 2 แบบ ดังนี้
การผ่าตัดเนื้อเยื่อเต้านม
การผ่าตัดเนื้อเยื่อเต้านม เป็นวิธีการผ่าตัดแก้ไขเต้านมโตให้มีขนาดเล็กลง โดยนำเนื้อเยื่อเต้านม และไขมันออก ซึ่งจะเหมาะสำหรับผู้ชายมีนมที่แพทย์วิเคราะห์แล้วว่า ภาวะเต้านมโตในเพศชายเกิดจากเนื้อเยื่อเต้านมและไขมัน โดยก่อนการผ่าตัดแพทย์จะทำการประเมินและวิเคราะห์ขนาดของเต้านม และตำแหน่งหัวนม เพื่อดูว่าจะต้องนำก้อนเนื้อนมและไขมันออกในปริมาณเท่าไหร่ถึงจะพอดี ไม่ทำให้เต้านมยุบ หรือบุ๋มลงไป
การผ่าตัดด้วยการดูดไขมัน
การผ่าตัดด้วยวิธีการดูดไขมันเพื่อลดขนาดเต้านม จะเป็นวิธีการรักษาที่นำไขมันออกเพียงอย่างเดียว ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ชายมีนมที่แพทย์วิเคราะห์แล้วว่า ส่วนประกอบในเต้านมส่วนใหญ่เป็นก้อนไขมัน ถือเป็นวิธีการรักษาที่มีแผลขนาดเล็กกว่า
การดูแลตัวเองหลังการรักษาภาวะผู้ชายมีนม
สำหรับคนไข้ที่เข้ารับการผ่าตัดลดขนาดหน้าอก เพื่อแก้ภาวะเต้านมโตในเพศชายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้จะเป็นการผ่าตัดเล็ก แต่ก็ควรพักฟื้นโดยปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้แผลผ่าตัดสมานอย่างรวดเร็ว และไม่เกิดปัญหาภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา เช่น การอักเสบ และติดเชื้อ
โดยปกติหลังจากการผ่าตัด จะมีอาการบวมอยู่ที่ประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งวิธีดูแลหลังการรักษาภาวะผู้ชายมีนม มีดังนี้
- นอนพักหลังการผ่าตัดเสร็จเป็นเวลา 2-3 ชั่วโมง ก่อนเดินทางกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้าน
- ทำแผลทุกวัน ตามคำแนะนำของแพทย์
- ห้ามให้แผลโดนน้ำเด็ดขาด
- กินยาตามคำสั่งแพทย์ให้ครบ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่
- งดอาหารสแลง เช่น อาหารหมักดอง อาหารสุกๆ ดิบๆ
- งดกินผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่างๆ
- งดออกกำลังกายหนักๆ หรือกิจกรรมที่มีการปะทะกันเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีเลือดออก ควรรีบเข้าปรึกษาแพทย์ทันที
จะเห็นว่าภาวะที่ผู้ชายมีนม หรือภาวะเต้านมโตในเพศชาย (Gynecomastia) เหมือนจะเป็นปัญหาเล็กๆ ที่ไม่ได้ส่งผลร้ายแรงต่อร่างกาย แต่หากปล่อยทิ้งไว้อาจจะกระทบกับการดำเนินชีวิตประจำวัน และส่งผลต่อจิตใจในระยะยาวได้ สำหรับใครที่เกิดความผิดปกติจำเป็นต้องเข้าปรึกษากับแพทย์ เพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสม เช่น การกินยา หรือการผ่าตัด โดยที่ Jarem Clinic ซึ่งเป็นคลินิกศัลยกรรม มีบริการผ่าตัดแก้ไขหน้าอก ด้วยแพทย์ผู้มากประสบการณ์