ผ่าตัดถุงใต้ตา
- หน้าแรก
- /
- บริการของเรา
- /
- ศัลยกรรมตา
- /
- ผ่าตัดถุงใต้ตา
ผ่าตัดถุงใต้ตา เคล็ดลับลดอายุใบหน้าและดวงตาดูอ่อนเยาว์
ปัญหาถุงใต้ตาบวม เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้ในทุกเพศทุกวัย และเกิดจากหลายสาเหตุ ถึงแม้ปัญหานี้จะไม่ได้ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพ แต่ก็สร้างความอ่อนล้าให้กับใบหน้า ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย จนหลายคนที่พบเจอกับปัญหานี้เกิดความกังวลใจ ขาดความมั่นใจ หากปล่อยทิ้งไว้เวลานาน ก็อาจทำให้ปัญหานี้ลุกลามจนแก้ไขได้ยาก และด้วยความที่ผิวหนังบริเวณรอบดวงตาเป็นส่วนที่บอบบางมากๆ เราควรต้องดูแลผิวหนังบริเวณนี้อย่างถูกวิธี
ดังนั้น ทางออกของการแก้ปัญหา ถุงใต้ตา ( Eyes bag ) เพื่อคืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้า จึงกลายเป็นวิธีการที่หลายคนต้องการ ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการผ่าตัดถุงใต้ตา เคล็ดลับหน้าเด็ก ลดอายุ ทำให้ดวงตาดูอ่อนเยาว์ได้แบบทันที ลองมาดูกันว่าเคล็ดลับหน้าเด็กวิธีการนี้ สามารถทำได้อย่างไรบ้าง บทความนี้มีคำตอบ
คลิกเพื่อเลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ
ถุงใต้ตา เกิดจากสาเหตุใดบ้าง?
ถุงใต้ตา ( Eyes bag ) เกิดจากไขมันบริเวณใต้ดวงตานูนขึ้นมา ซึ่งถ้าหากบางคนที่มีกล้ามเนื้อเปลือกตาที่แข็งแรง ผิวใต้ดวงตาก็จะเรียบตึง ไม่นูนออกมาจนสังเกตเห็นได้ชัด แต่ด้วยอายุที่มากขึ้น การดูแลตัวเองที่ไม่ดีก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กล้ามเนื้อเปลือกตาไม่แข็งแรง เนื้อเยื่อพังผืดอ่อนแอ จนอาจทำให้เห็นก้อนถุงใต้ตาโป่งนูนมากขึ้น ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน ดังนี้
- ชอบขยี้ตาบ่อยๆ หรือชอบร้องไห้
- เผชิญกับแสงแดดแรงๆ มานานและต่อเนื่อง
- เครียด หรือเกิดภาวะเครียด
- ใช้สายตาในการทำงานในแต่ละวันค่อนข้างหนัก
- พักผ่อนน้อย
- ติดรับประทานอาหารรสเค็มและรสจัด
- ไม่บำรุงผิวบริเวณรอบดวงตา
- อายุมากขึ้น
- เพ่งโทรศัพท์หรือใช้สายตานานๆ อย่างต่อเนื่อง
โดยทางออกของการแก้ปัญหา คือการผ่าตัดถุงใต้ตา หนึ่งในวิธีที่ได้ผลลัพธ์ในทันที พร้อมเรียกคืนความอ่อนเยาว์ และลดอายุใบหน้าให้ทุกคน
การสังเกตลักษณะของ ถุงใต้ตา
มาลองสังเกตใต้ดวงตาของทุกคนกันว่าถึงเวลาแล้วหรือสำหรับการผ่าตัดถุงใต้ตา ดังนี้
- ถุงไขมันใต้ตาโป่งนูนออกมา โดยปกติบริเวณใต้ตาของทุกๆ คน จะมีไขมันอยู่บริเวณเบ้ากระดูกตาอยู่แล้ว แต่ลักษณะของผู้ที่มี ถุงใต้ตา คือจะมีปริมาณไขมันใต้ดวงตามากเกินไปจนโป่งและนูนออกมาจนเห็นเป็นก้อนอย่างชัดเจน
- ใต้ตาดำคล้ำ ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักเกิดจากโรคภูมิแพ้ หรือเส้นเลือดบริเวณใต้ดวงตามีการขยายตัวทำให้เห็นมีใต้ดวงตาคล้ำขึ้น แต่ไม่ใช่ลักษณะของ ถุงใต้ตา
- ดอลลี่อาย ( Dolly eye ) เป็นลักษณะ ถุงใต้ตา ที่มักเกิดขึ้นในเวลาที่กำลังยิ้ม ซึ่งจะทำให้เห็นได้ชัดเจน
- อายุที่มากขึ้น ทำให้ผิวหนังรอบดวงตาเหี่ยวย่นมากขึ้น ทำให้เกิดเป็น ถุงใต้ตา และมักเกิดร่วมกับปัญหาถุงไขมันที่ปูดออกมาด้วยเช่นกัน
วิธีรักษา และ แก้ไขถุงใต้ตา
ทางออกในการรักษา ถุงใต้ตา สามารถทำได้หลายวิธีเช่นกัน ทั้งการผ่าตัดถุงใต้ตา การฉีดฟิลเลอร์ และการเลเซอร์ ซึ่งแต่ละวิธีก็มีความแตกต่างกัน ดังนี้
การผ่าตัดถุงใต้ตา
เป็นการเก็บไขมันและผิวหนังส่วนเกินออก วิธีนี้จะสามารถช่วยทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลงและดูไม่เหนื่อยล้า โดยวิธีผ่าตัดมี 2 วิธีด้วยกันคือ
- ผ่าตัดผ่านทางเยื่อบุตา ( Transconjunctiva Lower Blepharoplasty ) เหมาะกับผู้ที่มีไขมันเกิน แต่ยังไม่มีผิวใต้ตาหย่อนคล้อย โดยวิธีนี้แพทย์จะผ่าตัดผ่านทางเยื่อบุแผลด้านในตา ข้อดีคือไม่มีแผลผ่าตัดบริเวณภายนอก
- ผ่าตัดผ่านผิวหนัง ( subcutaneous blepharoplasty ) วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีถุงไขมันใต้ตามากและมีผิวใต้ตาหย่อนคล้อย แผลจะอยู่ชิดกับขอบตาล่าง โดยไม่ว่าจะทำการผ่าตัดด้วยวิธีไหน การนำไขมันออกในปริมาณที่เหมาะสมร่วมกับการย้ายไขมันในตำแหน่งบริเวณใต้ตา เพื่อทำให้ขอบตาล่างดูเต็ม และไม่เป็นร่องลึกใต้ตา ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ใช้รักษากันอยู่ในขณะนี้ ผิวบริเวณตาเป็นจุดที่บอบบางมาก การผ่าตัดจึงต้องอาศัยแพทย์ที่มีความชำนาญสูง
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดถุงใต้ตา
สำหรับผู้ที่ตัดสินใจเข้ารับผ่าตัดถุงใต้ตา ควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้ารับการผ่าตัด อาทิ
- แจ้งประวัติส่วนตัวกับแพทย์ ทั้งโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา ยาและอาหารเสริมที่รับประทานเป็นประจำ รวมถึงสมุนไพรและสารเคมีให้แพทย์เจ้าของไข้ได้รับทราบอย่างละเอียด
- แจ้งประวัติที่เคยเข้ารับการผ่าตัดหรือทำหัตถการด้านความงามกับแพทย์อย่างละเอียด
- งดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดก่อนเข้ารับการผ่าตัด 2-4 สัปดาห์ โดยเฉพาะยาละลายลิ่มเลือด
- งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชินดอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
- เตรียมแว่นตามาในวันผ่าตัด เพื่อสวมใส่ป้องกันสิ่งสกปรกและอากาศเข้ามาสัมผัสกับบาดแผลโดยตรง
- นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ
การดูแลหลังผ่าตัดถุงใต้ตา
ภายหลังการผ่าตัดถุงใต้ตา คนไข้จำเป็นต้องดูแลตัวเองและรักษาความสะอาดอยู่เสมอ รวมถึงปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ดังนี้
- ช่วง 2 วันแรก จำเป็นประคบเย็นบริเวณหน้าผากและรอบดวงตา เพื่อห้ามเลือดและลดอาการบวมของแผลผ่าตัด
- ช่วง 3 วันแรกจำเป็นต้องนอนศีรษะสูงเพื่อลดอาการบวม และทำให้แผลที่บวมยุบตัวเร็ว
- ห้ามแผลโดนน้ำเป็นเวลา 3 วัน การทำความสะอาดใบหน้าสามารถทำได้หลังจากนี้
- ช่วง 1 สัปดาห์แรก ควรสวมใส่แว่นกันแดด เพื่อป้องกันสิ่งสกปรก และฝุ่นละอองในอากาศ และงดใส่คอนแท็กต์เลนส์ เพราะอาจทำให้บาดแผลฉีกขาดได้
- ช่วง 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด งดรับประทานอาหารที่มีรสจัด ของหมักของดอง ปิ้งย่าง และอาหารทะเล
- หากมีสะเก็ดเลือด ให้ล้างออกด้วยน้ำอุ่นเท่านั้น
- หลีกเลี่ยงการใช้สายตามากๆ อาทิ ดูทีวี เล่นมือถือ หรือ จ้องหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
- ห้ามขยี้ตาหรือเอามือไปสัมผัสกับบาดแผล
- งดแต่งหน้าบริเวณผิวรอบดวงตา
- นอนหลับ พักผ่อนให้เพียงพอ
ข้อดีของการผ่าตัดถุงใต้ตา
- ไม่มีรอยแผล เนื่องจากเป็นการผ่าตัดถุงใต้ตาเป็นการผ่าตัดแบบแผลด้านใน ทำให้ไม่เห็นแผลด้านนอก จึงหมดกังวลเรื่องปัญหารอยแผลเป็น
- เห็นผลหลังทำทันที โดยจะเห็นก้อนใต้ตายุบลงหลังผ่าตัดอย่างชัดเจน
- กำจัดถุงไขมันถาวะ ไม่กลับมาเป็นซ้ำ
- คืนดวงตาสดใสดูอ่อนเยาว์
ข้อเสียของการผ่าตัดถุงใต้ตา
- ต้องมีการเตรียมล่วงหน้าก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- มีการพักฟื้น 1-2 วันหลังผ่าตัด
การฉีดสารเติมเต็มไปที่บริเวณร่องใต้ตา ( Filler )
การฉีดสารเติมเต็มไปที่บริเวณร่องใต้ตา ( Filler ) หรือเรียกสั้นๆ ว่าการ ฉีดฟิลเลอร์ เป็นการฉีดสารไฮยาลูรอนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) หรือสารเติมเต็มร่องใต้ตาเพื่อแก้ปัญหา ถุงใต้ตา ตาคล้ำ รวมไปถึงริ้วรอย ร่องลึกใต้ดวงตาได้ในระดับหนึ่ง โดยแต่ละบุคคลจะใช้ปริมาณ ฟิลเลอร์ ที่แตกต่างกัน ประมาณคนละ 1-2 CC ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1-2 วันถึงจะเห็นผล
อย่างไรก็ตามการ ฉีดฟิลเลอร์ เป็นหนึ่งในวิธีรักษาถุงใต้ตาที่ไม่ถาวร โดยจะอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน – 1 ปี เท่านั้น และมีความเสี่ยงในการฉีดเข้าเส้นเลือดใต้ดวงตา จนอาจทำให้ตาบอดได้ จึงจำเป็นต้องศึกษาอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ ฉีดฟิลเลอร์
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์
- ไม่ต้องพักฟื้น
- ฟิลเลอร์สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้าง
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์
- อยู่ได้ไม่นานประมาณ 6 เดือน – 1 ปี เท่านั้น
- สลายรวดเร็วเมื่อเจอความร้อน อาทิ ออกกำลังกาย ซาวน์น่า และทำเลเซอร์
- เมื่ออายุมากขึ้นจะสลายเร็วเนื่องจากสภาพผิวที่ค่อนข้างหย่อนคล้อย จนต้องมาฉีดซ้ำบ่อยๆ
- เสี่ยงฟิลเลอร์จับเป็นก้อน
การกระชับผิวใต้ดวงตาด้วยเลเซอร์
การเลเซอร์ถุงใต้ตา เป็นเพียงวิธีที่ช่วยลดอาการบวมได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ช่วยรักษาโดยตรง เหมือนกับการผ่าตัดถุงใต้ตา โดยเน้นไปที่การกระชับผิวรอบดวงตาเท่านั้น ถ้าหากในรายที่เป็นมากก็ต้องใช้วิธีการผ่าตัด เพื่อนำไขมัน ของเหลว และผิวหนังส่วนเกินใต้ตาที่หย่อนคล้อยออก ผู้ที่มีปัญหาควรปรึกษากับจักษุแพทย์เฉพาะทาง เพื่อการรักษาที่ปลอดภัยและได้ผลดี
ข้อดีของการกระชับผิวใต้ดวงตาด้วยเลเซอร์
- ไม่เกิดรอยแผล ไม่มีอาการบวมช้ำ
- สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ
ข้อเสียของการกระชับผิวใต้ดวงตาด้วยเลเซอร์
- ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาถุงใต้ตาหนักมาก
- ลดอาการบวม ไม่ได้ขจัดปัญหาให้หายไปได้อย่างถาวร
- ต้องกลับมาทำบ่อยๆ
การใช้ Thermage รักษาถุงใต้ตา
การใช้ Thermage เป็นการรักษาถุงใต้ตา โดยใช้คลื่น Radio Frequency – RF ช่วยลดและทำให้ผิวกระชับขึ้น โดยคลื่น RF จะทำให้เกิดการหดตัวของถุงไขมันใต้ตา และลดรอยเหี่ยวย่นของผิวหนังชั้นบน ทำให้ผิวหนังใต้ดวงตาดูเรียบเนียน กระชับขึ้น พร้อมกระตุ้นสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังรอบดวงตา จนทำให้ผิวรอบดวงตาเต่งตึงดูสดใส
ข้อดีของการใช้ Thermage รักษาถุงใต้ตา
- ไม่ต้องฉีดสารเติมเต็ม และไม่ต้องผ่าตัด
- ไม่ต้องพักฟื้น
ข้อเสียของการใช้ Thermage รักษาถุงใต้ตา
- ลดได้เพียงเล็กน้อย ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ตรงจุด
- ราคาค่อนข้างสูง
การใช้ Ulthera รักษาถุงใต้ตา
การใช้ Ulthera เป็นวิธีแก้ปัญหาถุงใต้ตา โดยใช้เทคโนโลยีอัลตราซาวด์ หรือพลังงานคลื่นความถี่สูงที่ปล่อยลงสู่ชั้นคอลลาเจนใต้ผิวหนังจนถึงรอยต่อของกล้ามเนื้อชั้นบน จึงช่วยกระตุ้นให้ผิวหนังสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย ริ้วรอยเกิดขึ้นช้าลง จนทำให้ผิวรอบดวงตากระชับขึ้น
ข้อดีของการใช้ Ulthera รักษาถุงใต้ตา
- ปลอดภัยสูง เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก
- ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น
- ไม่ต้องผ่าตัด
ข้อเสียของการใช้ Ulthera รักษาถุงใต้ตา
- หลังทำไม่เห็นผลลัพธ์ได้ในทันที ต้องรอให้ผิวค่อยๆ กระชับขึ้น
- อาการบวมหลังทำ และมีอการเจ็บในขณะที่ทำ
การใช้ HIFU รักษาถุงใต้ตา
การใช้ HIFU เป็นการยกกระชับผิวเพื่อช่วยแก้ปัญหา ถุงใต้ตา โดยใช้คลื่นอัลตราซาวด์ในการกระตุ้นชั้นใต้ผิวหนัง เช่นเดียวกับ Ulthera เพื่อช่วยในการยกกระชับผิวรอบดวงตาโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่จะแตกต่างจาก Ulthera คือโฟกัสคลื่นเป็นจุดเล็กๆ เพื่อลดความเจ็บในขณะที่ทำ โดยสามารถลดไขมันใต้ชั้นผิวหนังรอบดวงตาร่วมด้วย และทำให้ผิวรอบดวงตาเรียบตึงและกระชับมากยิ่งขึ้น
ข้อดีของการใช้ HIFU รักษาถุงใต้ตา
- สามารถทำซ้ำได้เรื่อยๆ
- ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการฉีดหรือผ่าตัด
ข้อเสียของการใช้ HIFU รักษาถุงใต้ตา
- จุดรอบดวงตาเป็นจุดที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษจึงจำเป็นต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการทำ
การใช้ Indiba รักษาถุงใต้ตา
Indiba เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดเพื่อแก้ปัญหา ถุงใต้ตา และริ้วรอยรอบดวงตา ที่มีความสามารถคล้ายกันกับเครื่อง Thermage โดยช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อผิวรอบดวงตาในชั้นลึกได้อย่างรวดเร็ว ฟื้นฟูไว รวมถึงช่วยในการกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้เนื้อเยื่อรอบดวงตาได้รับออกซิเจน สร้างคอลลาเจนให้ผิวรอบดวงตา จึงสามารถลบรอยคล้ำให้จางหาย ทำให้ผิวรอบดวงตากระชับมากขึ้น
ข้อดีของการใช้ Indiba รักษาถุงใต้ตา
- แก้อาการบวมน้ำ และอาการบวมหลังผ่าตัด
- ไม่มีแผลและไม่เจ็บ
- ซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
ข้อเสียของการใช้ Indiba รักษาถุงใต้ตา
- ผู้ที่ผิวหนังมีบาดแผลไม่ควรทำ
- ผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้าควรหลีกเลี่ยง
การใช้ครีมทารอบดวงตา
การใช้ครีมทารอบดวงตา หรือการใช้อายครีมเป็นสกินแคร์ที่ต้องมีติดโต๊ะเครื่องแป้งสำหรับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำ หรือผิวหนังหย่อนคล้อย เพราะการทาอายครีมจะช่วยเติมความชุ่มชื้น ลดอาการบวม ความหมองคล้ำของผิวรอบตา อาจไม่ได้ทำให้ ถุงใต้ตา หายไปเลยเหมือนกับการผ่าตัด แต่ก็ต้องมีการบำรุงอยู่เสมอ ให้ชะลอการหย่อนคล้อยของผิวหนังรอบดวงตา และลดปัญหาถุงใต้ตาที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
ข้อดีของการใช้ครีมทารอบดวงตา
- ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น เหมือนกับการฉีด เลเซอร์ หรือผ่าตัด
- ราคาประหยัด
- ทำได้ทุกวัน หรือบ่อยเท่าที่ต้องการ
ข้อเสียของการใช้ครีมทารอบดวงตา
- ไม่ได้เป็นการรักษาโดยตรง เพียงชะลอปัญหา
- ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์
การปรับ Lifestyle การบำรุงดวงตาง่ายๆ ที่บ้าน
- ใช้ความเย็นช่วยประคบดวงตา หลังเลิกงาน ก่อนนอนหาเจลเย็นๆ หรือผ้าก็อซชุบน้ำเย็นประคบดวงตาก่อนนอน
- อย่าดื่มน้ำก่อนนอนมากเกินไป ลดอาหารเค็ม ลดเกลือ
- หยุดบุหรี่ ลดการสูบบุหรี่ให้น้อยลง
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ถ้าเป็นภูมิแพ้ หรือรู้ตัวว่ามีสารก่อเกิดอาการแพ้ ให้หลีกเลี่ยง
สิ่งที่ควรรู้ก่อนผ่าตัดถุงใต้ตา
สิ่งที่ควรรู้ก่อนที่ตัดสินใจผ่าตัดถุงใต้ตา เพื่อเรียกคืนความอ่อนเยาว์กลับมา และได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม รวมถึงหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ควรต้องรู้อะไรบ้างก่อนผ่าตัดมาดูกัน
ภาวะภูมิแพ้ของเยื่อบุตาด้านใน
สำหรับภาวะภูมิแพ้ของเยื่อบุตาด้านใน หรือผู้ที่มีภาวะภูมิแพ้ที่ค่อนข้างรุนแรง อาจทำให้ไม่สามารถเลือกใช้วิธีการผ่าตัดถุงใต้ตาจากแผลด้านในได้ จึงทำให้แพทย์ต้องใช้วิธีผ่าตัดแบบแผลด้านนอกแทน หรือควรรักษาและควบคุมอาการให้ดีขึ้นก่อนตัดสินใจผ่าตัดในภายหลัง
คุณภาพผิวหนังใต้ตา
สำหรับที่ต้องการผ่าตัดถุงใต้ตาที่ค่อนข้างมีอายุมาก ปัญหาที่มักพบเจอบ่อยๆ คือภาวะผิวแห้ง หรือหนังตาแห้ง ผลกระทบที่ตามมาหลังการผ่าตัดผ่านแผลด้านนอกที่มักพบเจอคือแผลผ่าตัดหายช้า มีอาการคันจนอาจทำให้คนไข้รู้สึกอยากขยี้ตา ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหารอบดวงตาคล้ำขึ้นในภายหลัง
ตำแหน่งคิ้วและหนังตาบน
หากคนไข้มีภาวะคิ้วตกหรือหนังตาตก หากแพทย์เลือกเก็บหรือลดเฉพาะ ถุงใต้ตา เพียงอย่างเดียว จะทำให้รูปทรงของดวงตาผิดปกติหรือไม่อยู่ในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นการตัดสินใจผ่าตัด ควรปรึกษาแพทย์เรื่องคิ้วและหนังตาร่วมด้วยเพื่อให้ผลลัพธ์ของดวงตาออกมาได้อย่างสวยงาม
ความหย่อนของผิวหนังบริเวณขมับ
หากคนไข้มีความหย่อนคล้อยบริเวณอื่น อาทิ เนื้อขมับที่ค่อนข้างหย่อนคล้อย หรือบริเวณข้างตามีรอยย่น แพทย์จะต้องแนะนำให้คนไข้ดึงหน้าและดึงขมับเสียก่อน เพื่อให้ภาพรวมของทั้งผิวหน้าได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แล้วค่อยมาเก็บบริเวณ ถุงใต้ตา ทีหลัง จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและตอบสนองความพึงพอใจมากที่สุด
ความหย่อนของขอบตาล่าง
สำหรับคนไข้ที่ขอบตาล่างมีความหย่อนคล้อยค่อนข้างมาก แพทย์ต้องประเมินอย่างละเอียดเพื่อเลือกวิธีการผ่าตัดถุงใต้ตา เพราะอาจทำให้เกิดความเสี่ยงตาแหก หรือตาปลิ้นเกิดขึ้นได้ เพราะขอบตาล่างที่มีการหย่อนคล้อยค่อนข้างมากอาจทำให้ต้องผ่าตัดออกค่อนข้างเยอะ แพทย์จึงต้องใช้การขึงใต้ตาเพื่อป้องกันผลกระทบและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
ความโหนกนูนของกระดูกขอบตาล่างหรือโหนกแก้ม
สำหรับผู้ที่มีขอบตาล่าง หรือกระดูกตรงใต้ตาแบนราบอาจทำให้เกิดความเสี่ยงตาแหกหรือตาปลิ้นได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นแพทย์อาจจะต้องมีการตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์หรือไขมันร่วมด้วย เพื่อให้ดวงตาเรียบเนียนและอยู่ในระดับเดียวกันระหว่างตาล่างและโหนกแก้ม ป้องกันปัญหาดวงตาดูตึงและโบ๋ลึก
ภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด
แม้ว่าการผ่าตัดจะเป็นวิธีช่วยรักษาถุงใต้ตาได้ดี แต่ก็เกิดผลแทรกซ้อนได้เช่นกัน ได้แก่
- ขอบตาล่างปลิ้น เกิดจากตัดผิวหนังใต้ตามากเกินไปเกิดการดึงรั้ง ทำให้เห็นขอบตาล่าง ถ้าเป็นไม่มากการนวดคลึงดวงตาสามารถช่วยได้แต่ถ้าหากว่า เป็นมากต้องรักษาโดยนำผิวหน้งส่วนอื่นมาปิดทดแทน
- แผลเกินขอบตา หากกรีดผิวหนังดึงขอบตาล่างมากเกินไป หรือแพทย์คำนวณการเย็บปิดแผลไม่ดี ทำให้แผลเลยขอบไป เป็นรอยแผลเป็นที่เห็นได้ชัด
- โดนท่อน้ำตา ภาวะแทรกซ้อนนี้เกิดได้น้อย แต่ก็สามารถพบได้ เป็นภาวะที่รุนแรงบาดเจ็บต่อท่อน้ำตา ทำให้น้ำตาไหลอยู่ตลอด ต้องผ่าตัดรักษาด้วยวิธี Micro Surgery
ปัญหา ถุงใต้ตา นับเป็นเคสที่หลายคนยากที่จะหลีกเลี่ยง เพราะด้วยอายุ การทำงาน การพักผ่อน อาจทำให้เราละเลยการดูแลผิวบริเวณรอบดวงตาไป จนทำให้เกิดปัญหาผิวรอบดวงตาหย่อนคล้อย และมีก้อนใต้ตาเกิดขึ้น และถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของใครหลายคนค่อนข้างมาก จึงจำเป็นต้องค้นหาวิธีการในการรักษาซึ่งหากต้องการผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด การเข้ารับ ผ่าตัดถุงใต้ตา นับเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ โดยทุกท่านสามารถเข้ามารับคำปรึกษาและทำการผ่าตัดได้ที่ Jarem Clinic โดยทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ พร้อมจะช่วยเนรมิตรให้หลังผ่าตัดมีใต้ตาที่ดูสวย อ่อนกว่าวัย และได้ผลลัพธ์ตรงตามที่ใจคุณต้องการ
บทความโดย
พญ. ณัฏฐ์ธยาน์ สินประเสริฐกูล
จักษุแพทย์ เฉพาะทางรอบดวงตา
“ถุงใต้ตา ทำให้มีใบหน้าแก่ก่อนวัย ปัญหานี้พบได้มากในคนสูงอายุ การรักษาก็คือผ่าตัดถุงใต้ตาออก เป็นหัตถการที่ดูเหมือนง่ายแต่ความจริงมีความยากอยู่ เพราะการตัดไขมัน หรือหนังใต้ตาส่วนเกินออกต้องระวังอย่าตัดมากเกินไป มิฉะนั้นใต้ตาอาจเป็นหลุมลึก และหลังตาล่างปริ้น (Ectropion) เป็นผลข้างเคียงที่แก้ไขได้ยาก”
จักษุแพทย์เฉพาะทางตกแต่งรอบดวงตา Occuloplastic พญ.ณัฏฐ์ธยาน์ สินประเสริฐกูล (หมอยุ้ย)