ปัญหาตาไม่เท่ากันทำให้หลายคนสูญเสียความมั่นใจไปไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเวลายิ้ม หัวเราะ ก็อาจทำให้ดวงตาทั้งสองข้างไม่เท่ากันอย่างชัดเจน หรือทำให้ใบหน้าดูเบี้ยว ซึ่งนอกจากความมั่นใจที่สูญเสียไปแล้ว ในบางครั้งยังส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันอีกด้วย อย่างการแต่งหน้าที่ยากขึ้น ต้องใช้สติกเกอร์ติดหนังตา เพื่อสร้างบาลานซ์ให้กับใบหน้า รวมถึงอาจเกิดปัญหาสุขภาพจิต อย่างเช่น ไม่กล้าสบตาคน ไม่กล้าถ่ายรูปเพราะกลัวคนรู้ว่าดวงตาไม่เท่ากัน
สำหรับการแก้ปัญหาตาไม่เท่ากัน สามารถทำได้หลายวิธี แต่จำเป็นต้องอาศัยแพทย์ที่มีความชำนาญสูง เพื่อประเมินโครงสร้างใบหน้าหรือรูปหน้า เลือกวิธีการแก้ไข และทำการแก้ไข เพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนภายหลังการทำ ซึ่งมีวิธีไหนบ้างที่ช่วยแก้ปัญหาตาไม่เท่ากันได้ มาติดตามกัน
ตาไม่เท่ากันเกิดจากอะไร?
สำหรับปัญหาตาไม่เท่ากันสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยจะพาไปเจาะลึกถึงสาเหตุ รวมถึงหนทางในการรักษา ดังนี้
ตาไม่เท่ากันตั้งแต่กำเนิด
มีหลายคนที่มีปัญหาดวงตาไม่เท่ากันตั้งแต่กำเนิด โดยอาจเกิดขึ้นจากความผิดปกติหรือโครงสร้างเดิมของตัวเองที่ทำให้ดวงตาไม่เท่ากัน ดังนี้
- ใบหน้าไม่สมมาตรกัน หรือปัญหาใบหน้าทั้งสองด้านไม่เท่ากัน ซึ่งเกิดขึ้นจากความผิดปกติของกระดูกจนส่งผลทำให้ดวงตาทั้งสองข้างไม่เท่ากันด้วย
- โครงสร้างกระดูกเบ้าตา หรือความลึกของเบ้าตาอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เท่ากันจึงทำให้เกิดปัญหาดวงตาไม่เท่ากัน
- คิ้วไม่เท่ากัน ซึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะของกระดูกที่สูงต่ำไม่เท่ากัน จึงทำให้ดวงตาไม่เท่ากัน
- กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงแต่กำเนิด คือลักษณะของกล้ามเนื้อตาไม่พัฒนาตั้งแต่กำเนิดจนทำให้ไม่สามารถลืมตาไม่อย่างเต็มที่ จึงทำให้หนังตาตก ทำให้ดวงตาทั้งสองข้างดูไม่เท่ากันอีกด้วย
อายุที่มากขึ้น
อายุที่เพิ่มขึ้นส่งผลทำให้ไขมันบริเวณเปลือกตาหายไป จนทำให้เบ้าตาลึก โหล และผิวรอบตาหย่อนคล้อยตามวัย จึงทำให้เกิดปัญหาชั้นตาทั้งสองข้างไม่เท่ากัน นอกจากนี้ ยังประสบปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงในภายหลัง เนื่องจากกล้ามเนื้อตาจะยืดออกตามวัย ทำให้แรงยกเปลือกตาน้อยลง ส่งผลให้ตาสองข้างไม่เท่ากัน จนต้องอาศัยการเลิกคิ้ว หรือเบิกตากว้างแทนการยกเปลือกตา
ผ่านการทำตาสองชั้นมาก่อน
เป็นปัญหาหนักใจไม่น้อย สำหรับคนที่ทำตาสองชั้นมาแล้วเกิดปัญหาตาไม่เท่ากันซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากการทำตาสองชั้นแล้วชั้นตาหลุด ก็ทำให้เกิดปัญหาดวงตาทั้งสองข้างไม่เท่ากัน หรือทำตาสองชั้นมาแล้วไม่ได้รักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ส่งผลให้ดวงตาดูปรือๆ ชั้นตาใหญ่ และดวงตาไม่เท่ากันนั่นเอง
โรคทางดวงตา หรือได้รับอุบัติเหตุร้ายแรง
อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ดวงตาทั้งสองข้างไม่เท่ากัน คือเคยเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงมาก่อนหน้านี้จึงส่งผลกระทบถึงสมองและเส้นประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อตา จนทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงและทำให้ตาสองข้างไม่เท่ากันในที่สุด
ลักษณะของผู้ที่มีปัญหาตาไม่เท่ากัน
สำหรับผู้ที่มีปัญหาชั้นตาไม่เท่ากันนั้น นอกจากเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุแล้ว ลักษณะของชั้นตายังมีความแตกต่างกันอีกด้วย ซึ่งหลายคนอาจไม่เคยได้สังเกตตัวเอง ดังนั้น จึงมาดูดวงตาทั้งสองข้างไม่เท่ากันมีลักษณะอย่างไรบ้าง
- ชั้นตาสูง : เกิดขึ้นจากภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง หรือมีปัญหาเบ้าตาลึกจึงทำให้ดวงตาข้างใดข้างนึงสูงกว่าอีกข้าง
- เปลือกตาไม่เท่ากัน : ก็เป็นอีกลักษณะของชั้นตาไม่เท่ากันที่พบได้บ่อย โดยเกิดขึ้นจากความหย่อนคล้อย เบ้าตาลึก หรือกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงจนทำให้ตาไม่เท่ากันนั่นเอง
- ตาสามชั้น : ตาสามชั้นมีสาเหตุมาจากภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง หนังตาหย่อนคล้อย หรืออาจเกิดขึ้นจากภาวะเบ้าตาลึก จนทำให้มีรอยพับที่เปลือกตามากกว่า 2 ชั้น หรือซ้อนหลายชั้นจนทำให้ดวงตาดูไม่เท่ากัน
- คิ้วไม่เท่ากัน : อาจเกิดขึ้นจากปัญหาคิ้วตก อยู่ในตำแหน่งไม่สมดุลจนส่งผลกระทบต่อดวงตาทั้งสองข้างที่ดูไม่เท่ากัน
- ตาปรือ ตาตก ตาง่วง : เกิดขึ้นจากภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง จนทำให้ชั้นตาไม่เท่ากัน
ปัญหาตาไม่เท่ากันแก้ไขได้ไหม? ทำอย่างไรได้บ้าง?
สำหรับปัญหาตาไม่เท่ากันสามารถแก้ไขได้หลายวิธี มีทั้งแบบผ่าตัด และแบบไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งทางแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน และแก้ปัญหาตาไม่เท่ากันได้อย่างตรงจุด
ฉีดฟิลเลอร์
หลายคนอาจไม่ได้คาดคิดว่าการฉีดฟิลเลอร์สามารถแก้ตาไม่เท่ากันได้ โดยฟิลเลอร์ตาสองชั้นเป็นเทคนิคใหม่ล่าสุด โดยนำฟิลเลอร์มาฉีดบริเวณเปลือกตา โดยวิธีการนี้จะต้องให้จักษุแพทย์เป็นคนทำเท่านั้น โดยสามารถแก้ปัญหาตาสองชั้นไม่เท่ากันได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะผู้ที่มีตาไม่เท่ากันตั้งแต่กำเนิด ตาไม่เท่ากันจากการที่มีอายุมากขึ้น รวมถึงไปทำศัลยกรรมมาแล้วตาไม่เท่ากัน โดยข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ตาสองชั้นคือไม่มีแผล ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้น
ทำตาสองชั้นกรีดแผลยาว
อีกหนึ่งวิธีแก้ตาไม่เท่ากันด้วยวิธีการกรีดแผลยาว (Long Incision Technique) เป็นการกรีดแผลตามระดับชั้นตา โดยทำการจัดเรียงชั้นไขมันตาขั้นมาใหม่ เพื่อให้เบ้าตาได้ทรงสวยงาม คงรูป เพื่อให้ได้ชั้นหนังตาตามที่ต้องการ สามารถแก้หนังตาหย่อนคล้อยและทำให้ตาเท่ากันรวมถึงสามารถทำตาสองชั้นได้ ข้อควรระวังก็คือบวมช้ำได้ง่าย รวมถึงวิธีการนี้ไม่เหมาะกับแพทย์ที่ขาดประสบการณ์ เพราะอาจพลาดและบาดเจ็บได้ง่าย
Ulthera
การทำ Ulthera ก็เป็นอีกวิธีที่สามารถช่วยแก้ปัญหาตาไม่เท่ากันได้ โดยใช้พลังงานคลื่นอัลตราซาวด์ความถี่สูง ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยยกประชับผิวรอบดวงตาแบบไม่ต้องผ่าตัด จึงทำให้ผิวบริเวณรอบดวงตากระชับขึ้นแก้ปัญหาเปลือกตาหย่อนคล้อย หนังตาตก และลดริ้วรอยรอบดวงตาได้ จึงช่วยให้หนังตายกขึ้นแบบเห็นผลลัพธ์ทันที
Thermage
Thermage เข้ามาแก้ปัญหาตาให้เท่ากัน ด้วยการยกกระชับผิวบริเวณเปลือกตา สามารถลดปัญหาถุงใต้ตา แก้ปัญหาผิวรอบดวงตาหย่อนคล้อย โดยจุดเด่นของ Thermage จะปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือคลื่นความถี่วิทยุสูง RF กระตุ้นผิวหนังให้สร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ จึงทำให้ผิวตึง กระชับ ไม่หย่อนคล้อย ทำให้ผิวรอบดวงตายกกระชับมากขึ้น ทำให้ผิวรอบดวงตาดูอ่อนกว่าวัย และทำให้ดวงตาเท่ากันมากขึ้น
หากปล่อยให้ตาไม่เท่ากัน จะเกิดอะไรขึ้น?
สำหรับผู้ที่ค้นพบตัวเองว่ามีตาไม่เท่ากัน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากสาเหตุใดๆ ก็ตามทั้งในเรื่องของความหย่อนคล้อย หรือภาวะผิดปกติที่เกิดขึ้นจนทำให้ตาทั้งสองข้างไม่เท่ากัน หรือหนังตาข้างใดข้างหนึ่งของเราตกลงมา ส่วนใหญ่หลายคนอาจคิดว่าไม่มีอันตราย แต่แท้ที่จริงแล้วปัญหาหนังตาตก หรือปัญหาตาไม่เท่ากันส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความมั่นใจของเราไม่น้อย ดังนี้
- รบกวนการมองเห็น
- เห็นภาพซ้อน
- เกิดอาการตาขี้เกียจจนส่งผลต่อการมองเห็นสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
- สูญเสียความมั่นใจในตัวเอง
ดังนั้น หากใครที่สังเกตตนเองแล้วพบว่ามีปัญหาหนังตาตก ดวงตาไม่เท่ากันจนส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันควรเข้าพบแพทย์เพื่อทำการรักษา เพื่อเรียกความมั่นใจและสุขภาพที่ดีของดวงตาของเราให้ฟื้นคืนกลับมา
ข้อคำนึงก่อนการรักษาตาไม่เท่ากัน
แน่นอนว่าการรักษาดวงตาไม่เท่ากันเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเรียกความมั่นใจของเราให้กลับคืนมา แต่ก่อนที่จะเริ่มการรักษาจำเป็นต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เพื่อเพิ่มผลลัพธ์ในการรักษาให้มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ดังนี้
- คลินิกได้รับมาตรฐานสาธารณสุข : โดยคลินิกดังกล่าวต้องผ่านการตรวจสอบจากกระทรวงสาธารณสุข มีเลขที่ใบอณุญาตชัดเจนและติดไว้หน้าคลินิก เพื่อยืนยันมาตรฐานของคลินิก
- เครื่องมือสะอาดและทันสมัย : โดยคลินิกที่มีคุณภาพต้องมีอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่พร้อมสำหรับการรักษา ทั้งในกรณีที่ทำการรักษาปกติและในกรณีฉุกเฉิน อาทิ เครื่องวัดความดันโลหิต เครื่องตรวจสอบคลื่นหัวใจ รวมถึงอุปกรณ์กู้ชีพต่างๆ เพื่อดูแลความปลอดภัยของคนไข้ตลอดที่ทำการรักษา
- แพทย์ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเป็นผู้ให้การรักษา : โดยการรับรองดังกล่าวต้องผ่านการรับรองจากแพทยสภา โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อผ่านลิงก์ของ แพทยสภา
- ตรวจสอบตัวยาและยี่ห้อยา : เพราะว่าบางคลินิกอาจมีตัวยาที่เป็นของปลอมผสมอยู่ ดังนั้นจำเป็นต้องตรวจสอบทุกครั้ง โดยสามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข
- สะอาดและมีความปลอดภัย : เรื่องความสะอาดเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับทุกๆ คลินิก โดยต้องมีมาตรการป้องกันเรื่องความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าเชื้อโรค การป้องกันการติดเชื้อ เป็นต้น
- ราคาต้องสมเหตุสมผล : โดยมีคลินิกมากมายมีการจัดทำโปรโมชันเพื่อกระตุ้นยอดขายซึ่งบางครั้งหรือบางโปรแกรมที่มีราคาถูกมากเกินไป อาจเสี่ยงที่จะเจอของปลอมดังนั้นต้องตรวจสอบให้ดี และเลือกคลินิกที่มีคุณภาพ
- มีรีวิวที่น่าเชื่อถือ : ควรเช็กรีวิวทุกครั้งการเลือกคลินิกเพราะทำให้เราสามารถศึกษาได้ทั้งในมิติของการบริการ ราคา และผลลัพธ์เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ตนเองก่อนเข้าคลินิก
สำหรับการรักษาตาไม่เท่ากันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างความมั่นใจให้แก่ตนเอง ไม่ว่าปัญหาตาไม่เท่ากันจะเกิดจากสาเหตุอะไรก็ตามทั้ง อายุมากขึ้น เป็นมาตั้งแต่กำเนิด หรือศัลยกรรมผิดพลาด ก็ไม่ควรปล่อยทิ้งเอาไว้ เพราะนอกจากจะสูญเสียความมั่นใจแล้ว ยังส่งกระทบต่อสุขภาพและการดำเนินชีวิตประจำวันของเราด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแค่รักษาให้หายขาดเท่านั้น การเลือกคลินิกก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยเราต้องเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานทำการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้โดยตรง เพราะต้องคำนึงถึงในเรื่องของความสวยงามเพื่อสร้างความมั่นใจให้กล้าใช้ชีวิตได้มากขึ้น