ปัญหาถุงใต้ตาบวม เป็นปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม เพราะจะส่งผลเสียต่อใบหน้าหลายอย่าง เช่น หนังตาตก ใบหน้าหย่อนคล้อย จนใบหน้าอาจดูเหนื่อยล้า หมองคล้ำ และดูมีอายุมากกว่าที่ควรเป็น ซึ่งในบทความนี้ก็จะพาไปหาคำตอบว่า ถุงใต้ตาเกิดจากอะไร มีวิธีรักษาและป้องกันอย่างไรบ้าง พร้อมถึงแนะนำการแก้ไขถุงใต้ตาบวม
ถุงใต้ตา คืออะไร?
ถุงใต้ตา หรือ Eye bags คือลักษณะของไขมันใต้ตาที่บวมปูดออกมา จนสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน แบ่งเป็น 5 ส่วน คือขอบตาด้านบน 2 ถุงและขอบตาด้านล่าง 3 ถุง ซึ่งโดยปกติแล้วถุงใต้ตาเหล่านี้จะถูกปิดโดยกล้ามเนื้อใต้ตาจนดูเรียบเนียน แต่เมื่อถุงใต้ตาดังกล่าวเกิดการหย่อนคล้อยก็จะส่งผลให้ใบหน้าดูหมองคล้ำและเหนื่อยล้าได้
ปัญหาถุงใต้ตา เกิดจากอะไร?
ปัญหาถุงใต้ตาเกิดจากหลากหลายสาเหตุด้วยกัน ทั้งพฤติกรรมการใช้ชีวิต อายุ และโรคต่างๆ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ถุงใต้ตาแท้จากกรรมพันธุ์และอายุที่มากขึ้น
ถุงใต้ตาแท้ เป็นถุงใต้ตาเกิดจากระบบการทำงานของต่อมไร้ท่อที่มีความผิดปกติ สามารถเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติหรือเมื่อมีอายุที่มากขึ้น ลักษณะเด่นของถุงใต้ตาประเภทนี้คือมีความปูดนูน สามารถพบเห็นได้ทั้งในคนอายุน้อยและมาก
ถุงใต้ตาเทียมจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน
นอกจากนี้ยังมีถุงใต้ตาเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันอย่างการกิน การนอน หรือการทำงาน ภายในของถุงใต้ตาประเภทนี้คือน้ำที่ไหลลงมาคั่งบริเวณขอบตาด้านล่าง เพราะมีการขยี้ตา การพักผ่อนไม่เพียงพอ ดื่มน้ำน้อย ไปจนถึงความเครียดสะสม
ถุงใต้ตาจากโรคภูมิแพ้
สำหรับถุงใต้ตาเกิดจากโรคภูมิแพ้ นับเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาถุงใต้ตา เพราะเส้นเลือดมีการขยายตัว จนมีอาการคันและขยี้ตาโดยไม่รู้ตัว จนใต้ตามีลักษณะบวมและคล้ำ
ถุงใต้ตาส่งผลเสียอย่างไร?
การมีถุงใต้ตา อาจมีผลกระทบต่อหน้าที่ทำให้หน้าดูเปลี่ยนไป อ่อนล้า มีอายุ ดวงตาตก และดูหมองคล้ำ จนส่งผลให้ขาดความมั่นใจในตนเอง นอกจากนี้การเกิดถุงใต้ตายังเป็นสัญญาณบอกโรคอื่นๆ เช่น โรคไต โรคหัวใจ หรือความดันโลหิตสูงได้อีกด้วย
วิธีการรักษาปัญหาถุงใต้ตา
อย่างที่กล่าวไปว่าถุงใต้ตาเกิดจากสาเหตุที่หลากหลาย ส่งผลเสียต่อใบหน้า ร่างกาย หรือจิตใจค่อนข้างมาก แต่ปัญหาดังกล่าวจะหมดไปเพราะปัจจุบันมีคลินิกและโรงพยาบาลที่สามารถรักษาถุงใต้ตาบวมคล้ำได้ด้วยหัตถการทางการแพทย์และการดูแลรักษาด้วยวิธีทางธรรมชาติ
วิธีรักษาถุงใต้ตาด้วยวิธีธรรมชาติ
การรักษาถุงใต้ตาด้วยวิธีทางธรรมชาติ เป็นวิธีการดูแลรักษาที่สามารถทำได้ค่อนข้างง่ายและมีให้เลือกหลากหลายตามความเหมาะสมและความสะดวกของแต่ละคน ดังนี้
การดื่มน้ำให้มาก
ความหย่อนคล้อยของผิวและใบหน้าของมนุษย์เกิดจากการขาดน้ำ ดังนั้นการแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาบวมจึงสามารถทำได้โดยการดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพออย่างน้อย 2 ลิตรต่อวัน เพื่อให้ผิวหน้าเต่งตึง
การลดถุงใต้ตาด้วยถุงชา
รู้หรือไม่ว่า การใช้ถุงชาประคบสามารถช่วยลดถุงใต้ตาได้เป็นอย่างดี เพราะชามีสารแทนนินและคาเฟอีน ซึ่งช่วยลดการอักเสบและอาการบวม โดยมีวิธีง่ายๆ คือน้ำถุงชาแช่เย็นแปะทิ้งไว้ 25 นาทีเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
การประคบเย็นลดถุงใต้ตา
การประคบเย็นด้วยน้ำแข็ง ผ้าเย็น เกลือ นมจืด ไข่ขาว แตงกวา มันฝรั่งดิบ หรือช้อน สามารถเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งไปแช่เย็นก่อนนำมาประคบที่ใต้ตา วันละ 10 นาที โดยวิธีนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีรักษาถุงใต้ตาแบบง่ายๆ ด้วยตนเอง
การพักผ่อนให้เพียงพอ
เนื่องจากถุงใต้ตาเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ ดังนั้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนให้ยาวนานอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง จึงสามารถลดอาการบวมของถุงใต้ตาได้เช่นกัน
การออกกำลังกาย
การออกกำลังกาย เป็นการส่งเสริมสุขภาพให้มีความแข็งแรงและเพิ่มภูมิคุ้มให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อร่างกายมีการหมุนเวียนเลือดที่ดีก็จะช่วยลดความหมองคล้ำและอาการบวมของถุงใต้ตาได้
การทาครีมบำรุง
การทาครีมบำรุงอย่างสม่ำเสมอเป็นการดูแลตนเองที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ซึ่งถ้าหากใช้อายครีมหรือครีมสำหรับการบำรุงใต้ตาโดยเฉพาะ ก็จะช่วยให้ลดใต้ตาบวมได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
วิธีรักษาถุงใต้ตาด้วยหัตถการทางการแพทย์
ถ้าหากการรักษาถุงใต้ตาด้วยวิธีการทางธรรมชาติไม่ได้ผลตามที่ต้องการ การรักษาด้วยหัตถการทางการแพทย์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนมีถุงใต้ตาเยอะ แต่การรักษาด้วยวิธีเหล่านี้ก็จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำถึงวิธีการที่เหมาะสม ดังนี้
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
การเติมร่องลึกด้วยการฉีดฟิลเลอร์บริเวณถุงใต้ตา เป็นวิธีรักษาถุงใต้ตาบวม หมองคล้ำ และหย่อนคล้อยได้ เพราะมีสารที่มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำในผิว ทำให้ผิวมีความเรียบเนียนและชุ่มชื้น ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ก็เป็นวิธีได้รับความนิยมเพราะสามารถเห็นผลได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด
แต่ก็ควรใช้บริการกับคลินิกที่มีมาตรฐานและฉีดฟิลเลอร์แท้ เพราะมิเช่นนั้นก็อาจทำให้เกิดอันตรายตามมาได้ อีกทั้งฟิลเลอร์ที่ฉีดไปยังสามารถละลายหายไปได้ตามกาลเวลาอีกด้วย จึงต้องมีการฉีดซ้ำเมื่อมีถุงใต้ตาอีก
การทำเลเซอร์กระชับผิว
การกระชับผิวบนใบหน้า ด้วยการยิงแสงเลเซอร์เป็นอีกหนึ่งวิธีการแก้ไขปัญหาที่เหมาะกับถุงใต้ตาขนาดเล็กหรือคนที่มีอายุน้อย เพราะผลลัพธ์ที่ได้มีความคล้ายคลึงกับการผ่าตัด ไม่มีรอยแผลหรืออาการบวมช้ำ ทำให้ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น
การดูดไขมันถุงใต้ตา
ถุงใต้ตาเกิดจากการสะสมของไขมัน ทำให้วิธีการที่ได้รับความนิยมมากแบบหนึ่งคือการดูดไขมันบริเวณถุงใต้ตาด้วยการผ่าตัด ซึ่งวิธีที่สามารถเห็นผลชัดเจน มีรอยแผลขนาดเล็กด้านในเปลือกตา และไม่ต้องตัดไหม
การผ่าตัดถุงใต้ตา
การผ่าตัดบริเวณถุงใต้ตา เป็นวิธีรักษาถุงใต้ตาบวมที่มีประสิทธิภาพมาก แบ่งเป็น 2 วิธีคือ ผ่าตัดผ่านเยื่อบุตาซึ่งเหมาะกับผู้ที่มีถุงใต้ตาแต่หนังตาไม่หย่อนคล้อย และผ่าตัดผ่านผิวหนังซึ่งเหมาะกับผู้ที่มีถุงใต้ตามากและผิวหนังหย่อนคล้อย และ Jarem Clinic ก็มีวิธีการ ผ่าตัดถุงใต้ตา โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้บริการ
ทำไมต้องผ่าตัดถุงใต้ตากับ Jarem Clinic ?
หากปัญหาถุงใต้ตาบวมถูกปล่อยไว้นานจนเกินไปก็อาจส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตประจำวันและสุภาพร่างกายอื่นๆ ได้ และการผ่าตัดถุงใต้ตาของทาง Jarem Clinic สามารถช่วยคนทุกเพศทุกวัยได้ในการแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาเกิดจากสาเหตุต่างๆ เพราะที่นี่เป็นคลินิกที่ได้มาตรฐาน ให้บริการโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ และสามารถดูแลให้คำปรึกษาที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคน
คำแนะนำ และข้อควรระวังในการผ่าตัดถุงใต้ตา
ตาคืออวัยวะที่สำคัญต่อการมองเห็นของมนุษย์ ทำให้การรักษาถุงใต้ตาบวมด้วยการผ่าตัดเป็นวิธีการที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ตั้งแต่การเตรียมตัว ไปจนถึงการดูแลรักษาตาหลังการผ่าตัด โดยมีวิธีการต่างๆ ดังนี้
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดถุงใต้ตา
- งดอาหารเสริมหรือวิตามินก่อนการผ่าตัด 1 เดือน
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนการผ่าตัด 24 ชั่วโมง
- งดสูบบุหรี่ก่อนการผ่าตัด 1 เดือน
- แจ้งประวัติการผ่าตัด แพ้ยา โรคประจำตัว ยาและอาหารเสริมที่รับประทาน ให้แพทย์ทราบ
- เตรียมแว่นกันแดดเพื่อใส่หลังการผ่าตัด
- พักผ่อนให้เพียงพอ
การดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดถุงใต้ตา
- ยกศีรษะสูงระหว่างการนอน 3 วันแรก เพื่อลดอาการบวม และเร่งระยะเวลาการยุบตัวของแผล
- ป้องกันแผลโดนน้ำ 3 วันแรก
- งดอาหารรสจัด อาหารทะเล อาหารหมักดอง ปิ้งย่าง หลังการผ่าตัด 2 สัปดาห์แรก
- ประคบเย็นหน้าผากและผิวรอบดวงตา 2 วันแรก เพื่อลดอาการบวม และห้ามเลือด
- รับประทานยาตามแพทย์สั่ง
- ล้างสะเก็ดคราบเลือดด้วยน้ำอุ่น
- สวมแว่นกันแดดป้องกันสิ่งสกปรก 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด
- งดใส่คอนแทคเลนส์ 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด
- งดใช้เครื่องสำอางบริเวณรอบดวงตา
- งดการสายตาหนัก เช่น เล่นโทรศัพท์ ใช้คอมพิวเตอร์ หรือดูโทรทัศน์
- ห้ามขยี้ตาหรือใช้มือสัมผัสแผล เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกและแผลฉีกขาด
- ตรวจเช็กแผลและตัดไหมกับแพทย์ตามนัด
ถุงใต้ตาคือลักษณะไขมันใต้ตาที่บวมปูดจนเห็นได้อย่างชัดเจน และส่งผลเสียต่อใบหน้า บุคลิกภาพ และความมั่นใจ ถุงใต้ตาเกิดจากหลากหลายสาเหตุทั้งโดยธรรมชาติและพฤติกรรมการใช้ชีวิต ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยวิธีการหลากหลายรูปแบบ ทั้งวิธีทางธรรมชาติและการทำหัตถการทางการแพทย์
Jarem Clinic ก็มีบริการ ผ่าตัดถุงใต้ตา โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีมาตรฐาน และให้บริการด้วยความใส่ใจ เพื่อให้สามารถแก้ไขถุงใต้ตาได้อย่างตรงจุด
Q&A
1. ถุงใต้ตากับดอลลี่อาย แตกต่างกันอย่างไร?
ดอลลี่อายเป็นลักษณะผิวที่นูนโค้งเพียงเล็กน้อย สามารถเห็นได้ชัดเมื่อมีการยิ้ม แตกต่างกับถุงใต้ตาที่ปูดบวมขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเจนพร้อมปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยและตาลึกทำให้ดูมีอายุ
2. ปัญหาขอบตาคล้ำ กับถุงใต้ตาคืออันเดียวกันไหม?
ปัญหาถุงใต้ตาเกิดจากอายุที่มากขึ้นหรือพันธุกรรมที่ส่งต่อกันมา ส่วนขอบตาคล้ำเกิดจากโรคและพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่าง โรคภูมิแพ้ ความเครียด การนอนหลับไม่เพียงพอ หรือการขยี้ตา
3. การผ่าตัดถุงใต้ตาใช้เวลาพักฟื้นนานไหม?
การผ่าตัดถุงใต้ตาไม่สามารถมองเห็นรอยแผลได้ อาจใช้ระยะเวลาการพักฟื้น 2-7 วัน แพทย์จะทำการนัดมาตัดไหมหลังผ่าตัด 7-10 วัน หลังจากรอยแดงต่างๆ ก็จะค่อยๆ จางหายไป
4. การผ่าตัดถุงใต้ตาเจ็บไหม?
ระหว่างการผ่าตัดถุงใต้ตาคนไข้จะไม่รู้สึกถึงความเจ็บ เพราะมีการฉีดยาชาเฉพาะที่ แต่อาจต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นประมาณ 2-7 วัน
5. ใครบ้างที่เหมาะกับการรักษาถุงใต้ตาด้วยวิธีการผ่าตัด?
การผ่าตัดถุงใต้ตาสามารถทำได้ทุกเพศทุกวัย ยกเว้นผู้ปัญหาทางสุขภาพ ได้แก่ โรคหรืออาการผิดปกติบริเวณดวงตา โรคกล้ามเนื้อและระบบประสาท โรคระบบไหลเวียนเลือดหรือการแข็งตัวของเลือด และผู้ป่วยโรคผิวหนัง