
การตัดหน้าอกออกเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำให้ผู้ที่มีภาวะ Gender dysphoria (GD) หรือความไม่สุขกับสรีระทางเพศแต่กำเนิดสามารถเปลี่ยนเพศจากหญิงหรือทอมให้เป็นชายได้ การตัดหน้าอกหรือนมออก ส่วนใหญ่จะทำก่อนตัดสินใจผ่าตัดแปลงเพศ โดยการตัดหน้าอกออกจะเป็นการเอาอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับเพศหญิงออก เพื่อทำให้รูปร่างของผู้เปลี่ยนเพศเป็นชายมีลักษณะเป็นธรรมชาติมากขึ้น ช่วยเพิ่มความมั่นใจและความพอใจในการดำเนินชีวิตให้เหมาะสมกับเพศที่ต้องการเปลี่ยน
แต่ผู้ที่สนใจทำควรรู้ถึงขั้นตอนการทำ พร้อมกับเงื่อนไขการประเมินความพร้อมทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจของหญิงหรือทอมที่ต้องการเข้ารับการผ่าตัดนมออก รวมถึงวิธีเตรียมตัวก่อนทำการผ่าตัดและดูแลหลังทำด้วย

การผ่าตัดหน้าอกคือ
การผ่าตัดหน้าอก (Breast Surgery) เป็นการทำศัลยกรรมบนหน้าอกเพื่อปรับเปลี่ยนขนาดหรือรูปร่างของหน้าอกในบางกรณีก็เป็นการทำหน้าอกเพื่อแก้ปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ หรือในบางครั้งก็จะทำเพื่อความสวยงาม เช่น มีความต้องการให้มีขนาดเปลี่ยนแปลงไป หรือให้มีรูปทรงสวยงามถูกใจมากยิ่งขึ้น เทคนิคการผ่าตัดหน้าอกก็มีอยู่หลายแบบ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการผ่าตัด รวมถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น ความต้องการของผู้ป่วยอย่าง การผ่าตัดขนาดเต้านมให้เล็กลงหรือการตัดนมออกเพื่อเปลี่ยนจากหญิงเป็นชาย ก็เป็นอีกหนึ่งความต้องการที่ผู้หญิงและทอมหลายๆ คนอยากทำเป็นตัวอย่าง

เทคนิคผ่าตัดหน้าอก
การผ่าหน้าอกมีทั้งผ่าตัดแบบเล็กซึ่งจะเป็นเพียงการปรับเปลี่ยนขนาดหรือรูปทรงและการผ่าตัดขนาดใหญ่อย่างการผ่าเต้านมออกทั้งหมด โดยเทคนิคในการผ่าตัดก็มีอยู่หลายแบบ ซึ่งแต่ละแบบจะเหมาะกับหน้าอกที่ขนาดต่างกัน
เทคนิคเปิดใต้ปานนม (Semi Circular)
เทคนิคการเปิดใต้ปานนม (semi-circular) คือการตัดไขมันและเนื้อเยื่อที่อยู่ใต้ปานนมและเต้านมออก ซึ่งวิธีการนี้เหมาะสำหรับเต้านมขนาดเล็กและผู้ที่ผิวหนังที่ยังยืดหยุ่นได้ดี เนื่องจากแผลการผ่าตัดจะอยู่ในรูปครึ่งวงกลมที่ขอบล่างของปานนม ทำให้แผลเป็นไม่อยู่ในจุดที่สังเกตได้ง่าย แถมยังฟื้นตัวได้ดี จึงมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย อย่างไรก็ตาม วิธีการนี้ไม่สามารถใช้กับเต้านมขนาดใหญ่และเต้านมที่มีผิวหนังส่วนเกินมากได้ เนื่องจากผิวหนังส่วนเกินอาจทำให้แผลคล้อยและหย่อนหลังผ่าตัด ซึ่งอาจทำให้รูปร่างดูไม่สวยงามได้
เทคนิคแบบ Double O
การผ่าตัดหน้าอกแบบ Double O คือการศัลยกรรมเพื่อลดขนาดหน้าอกโดยการเปิดแผลปานนมเป็นวงกลมและผ่าตัดเนื้อเต้านมรอบนอกที่เป็นส่วนเกินออก จากนั้นจะทำการดึงผิวหนังเข้ามาเย็บกับปานนม เทคนิคการผ่าตัดนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าอกใหญ่และต้องการลดขนาดหน้าอกโดยไม่ทำให้เกิดแผลเหี่ยวย่นหรือเป็นแผลเปิดโดยต้องการผิวหนังที่ยืดหยุ่น วิธีการนี้เป็นวิธีที่พบได้บ่อยและเป็นที่นิยมในการทำตัดเต้านมของทอมหรือหญิงที่ต้องการแปลงเพศ
เทคนิคแบบแผลรูปตัวยู (U - Scar)
วิธีการผ่าตัดเต้านมทอมหรือหญิงที่ต้องการแปลงเพศให้เป็นชายแบบ U-Scar เหมาะสำหรับเต้านมขนาดเล็ก และผิวหนังยืดหยุ่นดี การศัลยกรรมจะเริ่มต้นด้วยการเปิดแผลที่ปานนมเป็นรูป U แล้วทำการตัดเนื้อเต้านมที่เป็นส่วนเกินออก ต่อมาผิวหนังจะถูกดึงเข้ามาเย็บกับแผลปานนม เทคนิคการผ่าตัดแบบนี้จะทำให้หน้าอกดูแบนราบและยังคงมีประสาทความรู้สึกเหมือนเดิม ระยะเวลาในการผ่าตัดประมาณ 1-2 ชั่วโมงและจำเป็นต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาลอย่างน้อย 2 วัน หลังจากผ่าตัด และต้องรอจนกว่าแผลจะหายและสามารถกลับไปดูแลตัวเองได้อย่างปลอดภัยประมาณ 7 วันหลังจากผ่าตัด
เทคนิคแบบแผลรูปตัวโอ (O - Scar)
วิธีการผ่าตัดเต้านมเพื่อเปลี่ยนเป็นเต้านมชายโดยใช้เทคนิคแผลรูปตัวโอ (O-Scar) เหมาะสำหรับผู้ที่มีเต้านมขนาดกลาง ขนาดที่เหมาะสมที่สุดคือคัฟบี-ซี โดยผู้ที่ต้องการผ่าตัดจะต้องมีผิวหนังที่ยืดหยุ่นดีและมีผิวหนังเหลืออยู่พอสมควร เมื่อผ่าตัดแล้ว ศัลยแพทย์จะเลือกเปิดแผลอยู่ที่รอบๆ ปานนม โดยใช้แผลรูปตัวโอเพื่อตัดเนื้อนมออกให้หมด พร้อมกับตัดผิวหนังส่วนเกินออกรอบๆ ปานนม และดึงผิวหนังเข้ามาเพื่อเย็บที่ตำแหน่งรอบๆปานนม การใช้เทคนิคแบบนี้จะทำให้หน้าอกแบนราบและยังคงมีประสาทความรู้สึก อยู่บ้างแต่ไม่ได้อยู่ในระดับเต็มที่เท่ากับเดิม ระยะเวลาในการผ่าตัดจะใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง และผู้ป่วยต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล 2-3 วัน การตัดไหมจะต้องทำหลังผ่าตัดประมาณ 7 วัน
เทคนิคเปิดใต้ฐานหน้าอก
การเปิดแผลใต้ฐานหน้าอก เป็นวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับคนที่มีขนาดหน้าอกปานกลางประมาณคัพ B และมีหน้าอกไม่ผิดรูปหรือหย่อนคล้อยมากนัก การเปิดแผลใต้ฐานหน้าอกนั้นเป็นเทคนิคดั้งเดิมที่จะมีลักษณะเป็นรูปครึ่งวงกลม โดยจะทำการตัดเอาส่วนที่ไม่ต้องการออก แล้วทำการเย็บแผลเข้าด้วยกัน โดยเทคนิคนี้จะช่วยลดขนาดหน้าอกได้โดยไม่ทำลายรูปร่างหรือรูปร่างหน้าอกเดิม โดยสามารถกลับไปทำงานได้ภายในเวลาไม่นานหลังการผ่าตัด
เทคนิคแบบย้ายหัวนม (Double Incision Scar)
การทำเทคนิคตัดเต้านมแบบย้ายหัวนม (Double Incision Scar) เป็นวิธีที่ใช้เมื่อเต้านมมีขนาดใหญ่และหย่อนคล้อย โดยการตัดเต้านมทั้งหมดและตัดแต่งผิวหนังส่วนที่เหลือออกตามแนวแผลยาวใต้ราวนม จากนั้นกำหนดตำแหน่งและขนาดของหัวนมที่จะนำมาวางใหม่ และทำการตัดและย้ายหัวนมเดิมมาเย็บติดที่ตำแหน่งที่กำหนด ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นหน้าอกที่แบนราบ ซึ่งอาจมีการสูญเสียประสาทความรู้สึกบนผิวหนังหรือหัวนมได้บ้าง แต่มีโอกาศน้อยที่จะเกิด แสดงการทำเทคนิคตัดเต้านมแบบนี้ ในการผ่าตัดจะใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมงและต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล 3 วัน หลังจากผ่าตัด ในการตัดไหมขึ้นอยู่กับสภาพของผู้ป่วยและความเหมาะสมของกระบวนการผ่าตัดกับสภาพผิวหนังและหน้าอกของผู้ป่วยด้วย นอกจากนั้นแล้วการผ่าตัดวิธีนี้ยังนิยมในการแก้ไขหน้าอกสำหรับผู้ที่ไม่พอใจตำแหน่งหัวนมก็ได้ด้วย

ขั้นตอนผ่าตัดหน้าอก
ขั้นตอนของการผ่าตัดเต้านมเพื่อเปลี่ยนเพศหญิงหรือทอมให้เป็นชายประกอบด้วยหลายขั้นตอนที่ต้องทำให้เรียบร้อยและปลอดภัยสำหรับผู้เข้ารับการผ่าตัด โดยการผ่าตัดนี้จะต้องเป็นไปตามวิธีที่ศัลยแพทย์เห็นว่าเหมาะสมกับแต่ละบุคคล ขั้นตอนที่เกี่ยวข้องมีดังนี้
- ดมยาสลบ ศัลยแพทย์จะให้ยาสลบผู้เข้ารับการผ่าตัดเพื่อให้ผู้เข้ารับบริการหลับในระหว่างการผ่าตัดและไม่รู้สึกตัวอะไรหรืออาจจะใช้วิธีการอื่นๆ ที่เหมาะสมตามความเห็นของศัลยแพทย์
- ศัลยแพทย์อาจจะวาดตำแหน่งต่างๆ บนเต้านม ในกรณีที่ต้องมีการผ่าตัดแก้ไขตำแหน่งหรือรูปทรงของนม
- การตัดเต้านม โดยศัลยแพทย์จะเริ่มต้นด้วยการผ่าตัดเพื่อเปิดแผลที่เต้านมของผู้เข้ารับบริการเพื่อให้สามารถเลาะเนื้อเต้านมออกได้หมด
- หากมีผิวหนังส่วนเกินจะตัดแต่งให้เรียบร้อย และใส่สายยางเพื่อระบายเลือดเสียและน้ำเหลืองที่บาดแผลออกจากหน้าอกข้างละ 1 เส้น แต่การใส่สายระบายจะใช้ในกรณีตัดเนื้อหน้าอกออกเยอะๆ
- การเย็บแผล ศัลยแพทย์จะเย็บแผลโดยซ่อนแผลเป็นไว้ใต้รักแร้ จากนั้นจึงเย็บปานนมปิดดังเดิม แล้วพันผ้ารัดหน้าอกแบบหลวมๆ ไม่แน่นจนเกินไป
- พักฟื้นหลังจากผ่าตัดหน้าอกเสร็จ หลังการผ่าตัดหน้าอกเสร็จสิ้นผู้เข้ารับการผ่าตัดจะต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาลอย่างน้อย 2 วัน หรือตามที่ศัลยแพทย์เห็นว่าเหมาะสม

วิธีดูแลตัวเองก่อนและหลังผ่าตัดหน้าอก
ก่อนการผ่าตัดหน้าอกก็มีสิ่งที่ควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเพื่อให้การผ่าตัดออกมาผลลัพธ์ดี ส่วนการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดเองก็จะเป็นสิ่งที่สำคัญในการฟื้นตัวอย่างถูกต้อง ปลอดภัย แผลจะได้หายไว และไม่มีผลข้างเคียง โดยขั้นตอนก็จะมีดังนี้
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดหน้าอก
เพื่อให้การผ่าตัดประสบความสำเร็จและไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้ก่อนการผ่าตัดให้ครบถ้วน
- ควรหยุดรับประทานวิตามินซีและวิตามินอี รวมทั้งหยุดใช้ฮอร์โมนเพศตรงข้ามเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน
- ควรหยุดรับประทานยาประเภทแอสไพริน ยาต้านการแข็งตัวของเลือด และยาลดการอักเสบบางชนิดเช่นกัน อย่างน้อย 14 วันก่อนการผ่าตัด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะเลือดออกระหว่างการผ่าตัด
- ควรหยุดสูบบุหรี่เป็นเวลาอย่างน้อย 14 วันก่อนการผ่าตัด เพื่อให้เลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงแผลได้ดี ลดโอกาสการเกิดภาวะเนื้อตายในช่วงการผ่าตัด
- แนะนำให้ลาหยุดงานประมาณ 3-5 วัน เพื่อเตรียมเวลาที่จะได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอทั้งในโรงพยาบาลและที่บ้าน
- ในเวลา 6-8 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด ควรงดอาหารและน้ำ
- เตรียมเสื้อเชิ้ตหลวมๆ ที่ใส่ง่ายไว้เมื่อเวลาออกจากโรงพยาบาล
วิธีดูแลตัวเองหลังผ่าตัดหน้าอก
เพื่อให้การพักฟื้นจากการผ่าตัดหน้าอกประสบความสำเร็จและไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้หลังการผ่าตัดให้ครบถ้วน
- ล้างแผลให้สะอาดตามคำแนะนำของศัลยแพทย์ และทำแผลทุกวันโดยใช้ยาที่ให้ทาแผล เช้า-เย็น แล้วพันผ้าทับทุกครั้ง
- กินยาแก้อักเสบ ยาแก้ปวด ยาลดบวม ตามที่ศัลยแพทย์สั่งและตามอาการที่มี
- ไม่ควรขับรถเองประมาณ 5-7 วัน หลังการผ่าตัด
- จะมีผ้าพันหน้าอกและสายยางระบายเลือดน้ำเหลืองออกจากหน้าอกข้างละ 1 เส้น เพื่อระบายเลือดและน้ำเหลืองออกจากหน้าอกและป้องกันการเกิดเลือดคั่งระหว่างการพักฟื้น สายยางระบายจะติดอยู่กับตัวจนน้ำเหลืองหมดและไม่มีเลือดออก จากนั้นศัลยแพทย์จึงจะทำการถอดสายยางระบายออก
- ระหว่างรอตัดไหม หากมีเลือด หรือน้ำเหลืองซึมออกมาจากแผล หรือมีอาการบาดแผลบวมแดง ปวด หรือแสบร้อน หรือมีไข้ร่วมด้วย ควรรีบไปพบศัลยแพทย์โดยทันที
- เมื่อครบกำหนด 7 วัน ศัลยแพทย์จะนัดมาดูแผล ในกรณีที่แผลสมานตัวได้ดีก็จะตัดไหมได้เลย แต่หากแผลมีขนาดใหญ่ต้องรอให้แผลมีอาการดีขึ้นก่อนซัก 10-14 วัน ค่อยตัด
- หลังการตัดไหม ศัลยแพทย์จะปิดพลาสเตอร์ที่บริเวณรอยเย็บ เพื่อช่วยให้แผลหายสนิทและป้องกันการเปิดของแผล
- หลังตัดไหมประมาณ 1-2 สัปดาห์ แผลจึงจะโดนน้ำได้ แต่ไม่ควรใช้แรงในการถูหรือขัดบริเวณแผลผ่าตัด เพราะอาจจะทำให้แผลเปิดได้
- ควรใส่เสื้อที่กระชับบริเวณหน้าอกเป็นเวลา 1 เดือน เพื่อช่วยให้ผิวหนังบริเวณหน้าอกไม่เหี่ยวย่น
ใครที่ผ่าตัดหน้าอกได้
ผู้ที่ผ่าตัดหน้าอกเปลี่ยนจากหญิงเป็นชายได้จะต้องผ่านการประเมินสภาพจิตใจจากจิตแพทย์อย่างน้อย 2 ท่านก่อนว่า ผู้เข้ารับบริการมีภาวะ “Gender dysphoria (GD)” หรือเป็นผู้ที่ไม่มีความสุขกับสรีระทางเพศ สำหรับการตรวจประเมินครั้งที่ 2 จะมีคำแนะนำว่า ควรจะตรวจประเมินใกล้กำหนดการผ่าตัดได้จะดี เพื่อให้ผู้รับบริการได้มีเวลาตัดสินใจ และทบทวนอีกครั้งก่อนการผ่าตัดจริง
นอกจากนี้ผู้รับการผ่าตัดยังต้องมีคุณสมบัติอื่นๆ ที่สำคัญไม่แพ้กัน ได้แก่
- อายุ 20 ปีบริบูรณ์ หากมีอายุ 18 ปีขึ้นไป แต่ยังไม่ถึง 20 ปี ต้องมีหนังสือรับรองจากผู้ปกครองอนุญาตให้ทำการผ่าตัดได้
- ต้องทดลองใช้ชีวิตในแบบเพศตรงข้ามมาแล้วอย่างน้อย 1 ปี
- ร่างกายและสุขภาพแข็งแรง
- ไม่มีภาวะหรือโรคทางจิตเวช
เพื่อประเมินความพร้อมต่างๆ ผู้เข้ารับบริการสามารถติดต่อโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาล เพื่อทำการตรวจสุขภาพอย่างละเอียดได้ เช่น ตรวจเลือด การทำงานของไตปอด และตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ โดยเฉพาะการตรวจหน้าอก เพื่อดูสภาพเต้านม และใช้ข้อมูลมาประเมินคำแนะนำของแพทย์ในการผ่าตัด เทคนิคการผ่าตัดที่เหมาะสม รวมทั้งผลลัพธ์ ความเสี่ยงต่างๆ ด้วย

ผ่าตัดหน้าอกที่ไหนดี
การผ่าตัดหน้าอกเพื่อแปลงจากหญิงหรือทอมเป็นชาย เป็นการผ่าตัดที่ไม่ซับซ้อน แต่ควรหาข้อมูลให้ดีทั้งศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์และสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ราคาที่คุ้มและมีความเสี่ยงน้อยที่สุดต่อการผ่าตัดหน้าอก อย่างที่ Jarem ก็มีบริการที่ดีพร้อมให้บริการและให้คำปรึกษาก่อนตัดสินใจทำ
การผ่าตัดหน้าอก คือการทำศัลยกรรมบนหน้าอกเพื่อปรับเปลี่ยนขนาดหรือรูปร่างของหน้าอกในบางกรณีก็เป็นการทำหน้าอกเพื่อแก้ปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ หรือในบางครั้งก็จะทำเพื่อความสวยงาม โดยในกรณีของการผ่าตัดเอาเต้านมออกก็จะเป็นกระบวนการหนึ่งในการแปลงเพศจากหญิงหรือทอมเป็นชาย เมื่อทำแล้วก็อาจจะทำให้พอใจกับสรีระตัวเองมากขึ้น
ซึ่งการผ่าตัดหน้าอกก็จะมีเทคนิคอย่างหลากหลาย ซึ่งความเหมาะสมของแต่ละเทคนิคก็ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและเงื่อนไขต่างๆ อย่าง รูปร่างหน้าอก ขนาด ความยืดหยุ่นของผิวหนัง โดยคนที่สามารถผ่าตัดได้ก็ต้องผ่านการตรวจความพร้อมของร่างกายและจิตด้วย เมื่อทำเสร็จแล้วก็ต้องทำการดูแลบาดแผลให้ดีเพื่อให้ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนหรือปัญหาอื่นๆ